ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในการซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ ในขณะที่นักลงทุนรอดูการประชุมร่วมกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในระหว่างที่ผู้นำจีนได้เดินทางเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการวันที่ 6-7 เม.ย.นี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปดิเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหลายรายการในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,178.44 จุด เพิ่มขึ้น 66.85 จุด, +0.28% ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 29,737.73 จุด พุ่งขึ้น 117.23 จุด หรือ +0.40% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,742.57 จุด เพิ่มขึ้น 2.48 จุด +0.14%
สำหรับความเคลื่อนไหวในวันนี้ ธนาคารกลางจีนประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อโครงการเงินกู้ระยะสั้น (SLF) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนสภาพคล่องสำหรับสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย SLF แบบข้ามคืน 0.2% สู่ระดับ 3.3% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย SLF ระยะ 7 วัน และ 1 เดือน สู่ระดับ 3.45% และ 3.80% ตามลำดับ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งเอเชียที่ได้มีการเปิดเผยแล้ว ได้แก่ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 1/2560 ในวันนี้ โดยระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทผลิตรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้น อยู่ที่ระดับ +12 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2559 ซึ่งอยู่ที่ระดับ +10
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์เกียวโดคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ +15
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มบริษัทนอกภาคการผลิตในไตรมาส 1/2560 ซึ่งรวมถึงภาคบริการนั้น อยู่ที่ระดับ +20 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2559 ซึ่งอยู่ที่ระดับ +18 และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ +20
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของจีนในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) และอัตราดอกเบี้ยข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) 0.1% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย MLF ถูกปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.05% และอัตราดอกเบี้ย reverse repo ถูกปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.20%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหลายรายการคืนนี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมี.ค.โดยมาร์กิต รวมทั้งกระทรวงแรงงานสหรัฐที่จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ในวันศุกร์นี้ ขณะที่โพลล์สำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนมี.ค.จะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง
สำหรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนก.พ.ที่ผ่านมานั้น เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 235,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 190,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 4.7% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์