ตลาดหุ้นนิวยอร์กพลิกร่วงลงในวันนี้ หลังเปิดตลาดในแดนบวก โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 100 จุดในการซื้อขายวันแรกของเดือนนี้ และเป็นวันแรกของไตรมาส 2
ณ เวลา 22.31 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 20,578.22 จุด ลดลง 85.00 จุด หรือ 0.41%
หุ้นกลุ่มการเงินทรุดตัวลงกว่า 1% ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ร่วงลงมากที่สุด
นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 14-15 มี.ค.ในวันพุธ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังให้ความสำคัญต่อการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในวันที่ 6-7 เม.ย. โดยคาดว่าผู้นำทั้ง 2 จะหารือเกี่ยวกับประเด็นการค้า และเกาหลีเหนือ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก.พ. สู่ระดับ 1.193 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2006 หลังจากที่ร่วงลงเป็นเวลา 2 เดือนติดต่อกัน
การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐได้แรงหนุนจากการก่อสร้างที่อยู่อาศัย, ถนน และโรงเรียน
บริษัทไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นสุดท้ายสำหรับภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 53.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 53.4 หลังจากแตะระดับ 54.2 ในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิต
ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับตัวลงสู่ระดับ 57.2 ในเดือนมี.ค จากระดับ 57.7 ในเดือนก.พ. แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 57.0
ดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัวของภาคการผลิต และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 94
ทั้งนี้ ดัชนีย่อยเกี่ยวกับการจ้างงานดีดตัวแตะ 58.9 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2011