ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในยุโรป หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศการเลือกตั้งก่อนกำหนด นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่การเลือกตั้งรอบแรกในฝรั่งเศสจะมีขึ้นในวันที่ 23 เม.ย.นี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.1% ปิดที่ 376.35 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.2559
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,000.44 จุด ร่วงลง 108.56 จุด หรือ -0.90% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,990.25 จุด ลดลง 80.85 จุด หรือ -1.59% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,147.50 จุด ร่วงลง 180.09 จุด หรือ -2.46%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงอย่างหนัก หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้สร้างความประหลาดใจด้วยการประกาศจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งสวนทางกับท่าทีก่อนหน้านี้ที่นางเมย์เคยระบุว่ารัฐบาลจะไม่ประกาศการเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนดในปี 2563 โดยการประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้
นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้เรียกร้องให้สภาสามัญชน (House of Commons) ลงมติสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 8 มิ.ย. ตามที่ตนได้ประกาศก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมาย Fixed-Term Parliaments Act ของอังกฤษนั้น นายกรัฐมนตรีสามารถประกาศจัดการเลือกตั้งได้ หากสมาชิกรัฐสภาจำนวน 2 ใน 3 ลงมติสนับสนุน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการซื้อขายก่อนที่การเลือกตั้งในฝรั่งเศสรอบแรกจะมีขึ้นในวันที่ 23 เม.ย. ส่วนรอบที่ 2 จะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค.
นักวิเคราะห์จากซิตี้ อินเด็กซ์กล่าวว่า แม้โพลล์ชี้ว่า นายเอมมานูเอล มาครอง จะคว้าชัยในสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส แต่คะแนนสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นของนายฌอง-ลุค เมเลนชอน ซึ่งฝักใฝ่ในลัทธิสังคมนิยมและมีมุมมองในด้านลบต่อยูโรโซนนั้น กำลังเป็นที่จับตาในตลาด
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นอาร์เซลอร์มิททัล ดิ่งลง 6.2% หุ้นเทรานิส ร่วงลง 3.4% หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 3.4% และหุ้นเกลนคอร์ ดิ่งลง 5.6%