ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด บวกครั้งแรกรอบ 5 วัน หุ้นแบงก์,เทคโนโลยีดีดตัวนำตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 26, 2017 21:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ โดยเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 วันทำการ ขณะที่ได้แรงหนุนจากการดีดตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และธนาคาร

ณ เวลา 20.57 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,498.91 จุด เพิ่มขึ้น 104.15 จุด หรือ 0.50%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ และธนาคารพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นกลุ่มที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในปีนี้ หลังจากที่ดีดตัวขึ้นขึ้นมากกว่า 20% จากต้นปี

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในยุโรปในวันนี้ หลังจากที่รัฐบาลอิตาลีได้ตกลงที่จะอัดฉีดเงินเพื่อฟื้นกิจการธนาคาร 2 แห่งในประเทศ

นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันก็ได้เป็นปัจจัยบวกต่อตลาด แม้ว่าจะถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด จากการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นของสหรัฐ, ลิเบีย และไนจีเรีย

นักลงทุนรอการกล่าวถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ และยุโรปในสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาคำกล่าวของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ เพื่อดูว่าเขาจะส่งสัญญาณให้ ECB ลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้หรือไม่

ส่วนในวันพรุ่งนี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม "Global Economic Issues" ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า นางเยลเลนจะเน้นย้ำถึงจุดยืนของเฟดที่ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป หรือการเริ่มปรับลดงบดุลของเฟดนั้น จะพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดได้รับ

นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขาซานฟรานซิสโก เปิดเผยในวันนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวในสหรัฐเป็นผลมาจากปัจจัยที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว และคาดว่าจะไม่เป็นอุปสรรคในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของเฟด

นายวิลเลียมส์ยังกล่าวด้วยว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และการขึ้นดอกเบี้ยอีก 3-4 ครั้งในปีหน้าถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม หากเศรษฐกิจสหรัฐมีความคืบหน้าอย่างที่คาดการณ์ไว้ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยควรต้องขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดได้รับมา

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ร่วงลง 1.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากลดลง 0.9% ในเดือนเม.ย.

ขณะเดียวกัน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ลดลง 0.2% ในเดือนพ.ค. สวนทางจากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ