ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของไตรมาส 2 โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มธนาคาร
ณ เวลา 20.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,399.51 จุด เพิ่มขึ้น 112.48 จุด หรือ 0.53%
หุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นไนกี้ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
หุ้นกลุ่มธนาคารต่างดีดตัวขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ ขานรับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐทั้ง 34 แห่ง สามารถเดินหน้าแผนเพิ่มการจ่ายเงินปันผล และซื้อหุ้นคืนได้ หลังจากที่ธนาคารเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ประจำปีรอบที่ 2 ของเฟด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 0.4% ทั้งในเดือนมี.ค.และเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย.
รายได้ส่วนบุคคลหลังหักภาษีเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2012
ส่วนอัตราการออมของผู้บริโภคสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 5.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.1%
ทั้งนี้ ดัชนี PCE พื้นฐาน ยังคงอยู่ห่างไกลจากระดับ 2.0% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟด