ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (4 ก.ค.) โดยดัชนี FTSE 100 ได้ปัจจัยหนุนให้ลดช่วงลบในระหว่างวันจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และรายงานข่าวการขอซื้อกิจการเวิลด์เพย์โดยบริษัทสหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นบริษัทผู้ให้บริการชำระเงินรายนี้พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนบางส่วนจากรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของเจ เซนส์บิวรี ซึ่งช่วยหนุนหุ้นเชนซูเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้น
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 19.86 จุด หรือ -0.27% ปิดที่ 7,357.23 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา เนื่องจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการเนื่องในวันชาติสหรัฐ อย่างไรก็ตาม หุ้นเวิลด์เพย์ ผู้ให้บริการชำระเงินรายใหญ่ พุ่งขึ้นถึง 28% หลังบริษัทเปิดเผยว่า บริษัทแวนทิฟ อิงค์ ซึ่งเป็นคู่แข่งจากสหรัฐ และเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการเวิลด์เพย์
หุ้นกลุ่มค้าปลีกที่น่าจับตา หุ้นเจ เซนส์บิวรี ขยับขึ้น 0.3% หลังผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ดังกล่าวเปิดเผยรายงานว่า ยอดขายสินค้าในห้างสาขาเดิมประจำไตรมาสแรก ขยายตัว 2.3%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเทสโก้ ขยับลง 0.2% และหุ้นดับบลิวเอ็ม มอร์ริสัน ขยับขึ้น 0.4%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 0.2% หุ้นริโอ ทินโต ขยับขึ้น 0.1% หุ้นเฟรสนิลโล ผู้ผลิตแร่มีค่ารายใหญ่ เพิ่มขึ้น 1.1% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส เพิ่มขึ้น 2% ตามทิศทางของราคาทองคำที่ทะยานขึ้นสู่ระดับ 1,225 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อคืนนี้ สืบเนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปของเกาหลีเหนือ ซึ่งทำให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำกันมากขึ้น
สำหรับหุ้นกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นบีพี ขยับลง 0.3% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัตช์ เชลล์ ปิดทรงตัว