ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดในแดนลบ แต่สามารถฟื้นตัวเข้าสู่แดนบวกในเวลาต่อมา จากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลง สวนทางคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ รวมทั้งตัวเลขเงินเฟ้อที่ซบเซา
ณ เวลา 20.47 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 21,568.78 จุด เพิ่มขึ้น 15.69 จุด หรือ 0.07%
หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ร่วงลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนพ.ค.
ดัชนี CPI ทรงตัวในเดือนมิ.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งบ่งชี้ถึงอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำของสหรัฐ และอาจส่งผลให้เฟดชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และมิ.ย.
ในการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในสัปดาห์นี้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ระบุว่า เฟดพร้อมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 หลังจากร่วงลง 0.1% ในเดือนพ.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.
ยอดค้าปลีกที่ร่วงลงในเดือนมิ.ย. ได้รับผลกระทบจากการที่ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายในร้านอาหาร และด้านพลังงาน ขณะที่ยอดขายในห้างสรรพสินค้า และซูเปอร์มาร์เก็ตร่วงลง
ทางด้านซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน เชส เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นของซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลงในวันนี้ หลังการเปิดเผยยอดขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ต่ำลง
เวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ แต่มีรายได้ต่ำกว่าคาด