ดัชนีดาวโจนส์พุ่งทะลุระดับ 22,000 จุดในวันนี้ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นแอปเปิล หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส
ณ เวลา 20.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 22,022.47 จุด เพิ่มขึ้น 58.55 จุด หรือ 0.27%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นแอปเปิลทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ใช้เวลาเพียง 5 เดือนในการทะยานขึ้นจากระดับ 21,000 ไปยัง 22,000 ในวันนี้ โดยได้อานิสงส์มากที่สุดจากหุ้นโบอิ้ง ซึ่งมีส่วนช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ 380.29 จุดนับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. ขณะที่หุ้นแมคโดนัลด์ และยูไนเต็ดเฮลท์ กรุ๊ปช่วยหนุน 171.14 จุด และ 166.35 จุดตามลำดับ
หุ้นแอปเปิล ซึ่งเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ทะยานขึ้นกว่า 5% ในวันนี้ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้บริษัทมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นอีก 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์
ราคาหุ้นแอปเปิลได้พุ่งขึ้นเกือบ 30% ในปีนี้ หลังจากปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ระดับ 150.50 ดอลลาร์
แอปเปิล อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ตามปีงบการเงินปัจจุบันของบริษัท โดยระบุว่า กำไรในไตรมาส 3 อยู่ที่ 8.72 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.67 ดอลลาร์/หุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบการเงินที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.42 ดอลลาร์/หุ้น และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 1.57 ดอลลาร์/หุ้น
ส่วนรายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 4.541 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบการเงินที่แล้ว ที่ระดับ 4.236 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของแอปเปิลในไตรมาส 3 มาจากยอดขายไอโฟนซึ่งอยู่ที่ 41.03 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบการเงินที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 40.4 ล้านเครื่อง และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สำหรับรายได้จากธุรกิจบริการอยู่ที่ 7.27 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบการเงินที่แล้ว ที่ระดับ 5.98 พันล้านดอลลาร์ และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ แอปเปิลคาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 4 จะอยู่ที่ 4.9-5.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ทางด้านบริษัทไทม์ วอร์เนอร์ อิงค์ เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไร และรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้รับปัจจัยบวกจากความสำเร็จของภาพยนตร์ "Wonder Woman"
ทั้งนี้ ไทม์ วอร์เนอร์ อิงค์ ระบุว่า ทางบริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.33 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้ที่ระดับ 7.33 พันล้านดอลลาร์
ทางด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ทางบริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.19 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้ที่ระดับ 7.30 พันล้านดอลลาร์