ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วง บ่งชี้วอลล์สตรีทปรับตัวลงคืนนี้ ขณะนักลงทุนจับตาผลประกอบการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 8, 2017 20:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ณ เวลา 20.14 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 14 จุด หรือ 0.06% สู่ระดับ 22,048 จุด

ราคาหุ้นของไมเคิล คอร์ส โฮลดิ้งส์ ผู้ผลิตกระเป๋าและสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง พุ่งขึ้น 12.4% สู่ระดับ 41.85 ดอลลาร์ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แม้บริษัทมีกำไรและรายได้ลดลง

ทั้งนี้ ไมเคิล คอร์สเปิดเผยว่า กำไรสุทธิร่วงลง 15% สู่ระดับ 125.5 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีงบการเงินของบริษัท ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 1 ก.ค. หรืออยู่ที่ระดับ 80 เซนต์/หุ้น จากระดับ 147.1 ล้านดอลลาร์ หรือ 83 เซนต์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีกำไร 62 เซนต์/หุ้นในไตรมาสแรก

นอกจากนี้ รายได้ของบริษัทลดลง 3.6% สู่ระดับ 952.4 ล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ 918.6 ล้านดอลลาร์

เมื่อเดือนที่แล้ว ไมเคิล คอร์ส เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้เทคโอเวอร์กิจการของจิมมี ชู ผู้ผลิตรองเท้าและเครื่องประดับสุดหรู ด้วยวงเงิน 896 ล้านปอนด์ หรือ 1.17 พันล้านดอลลาร์

บริษัทคาดว่าการซื้อกิจการดังกล่าวจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 275 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งหลังของปีงบการเงินปัจจุบัน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค.2018

นอกจากนี้ ไมเคิล คอร์สยังคาดว่ารายได้ของปีงบการเงิน 2018 จะอยู่ที่ระดับ 4.28 พันล้านดอลลาร์ โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 4.25 พันล้านดอลลาร์

ทางด้านราล์ฟ ลอเรน คอร์ป ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์แฟชั่นและเฟอร์นิเจอร์ระดับโลก เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีงบการเงินของบริษัทที่สิ้นสุดวันที่ 1 ก.ค.

ทั้งนี้ บริษัทเปิดเผยว่ารายได้ลดลงสู่ระดับ 1.35 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 1.55 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ส่วนกำไรอยู่ที่ระดับ 59.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 72 เซนต์/หุ้น จากที่ขาดทุน 22.3 ล้านดอลลาร์ หรือ 27 เซนต์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดสามารถชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อไม่มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นมาก หากตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีการปรับตัวดีขึ้น

"อัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันยังคงมีความเหมาะสมในระยะใกล้" นายบูลลาร์ดระบุ

ทั้งนี้ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ อยู่ที่ระดับ 1.5% และอยู่ห่างจากระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

นายบูลลาร์ดกล่าวว่า มีการคาดการณ์กันว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นเพียงแค่ระดับ 1.8% ถึงแม้อัตราการว่างงานของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 3% จากระดับ 4.3% ในปัจจุบัน ซึ่งจากการที่มีแรงกดดันต่อเงินเฟ้อเพียงเล็กน้อย ทำให้เฟดจึงไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ