ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (9 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี รวมทั้งความขัดแย้งที่ส่อเค้าว่าจะรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 0.7% ปิดที่ 379.84 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,145.70 จุด ลดลง 73.19 จุด หรือ -1.40% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,154.00 จุด ร่วงลง 138.05 จุด หรือ -1.12% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,498.06 จุด ลดลง 44.67 จุด หรือ -0.59%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ โดยวอชิงตัน โพสต์รายงานว่า เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ขนาดย่อส่วน ซึ่งออกแบบมาให้สามารถบรรจุเป็นหัวรบในขีปนาวุธได้ ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้ออกมาตอบโต้อย่างรุนแรงว่า เกาหลีเหนือจะต้องเผชิญกับ "ไฟและความเดือดดาล" จากสหรัฐอย่างแน่นอน หากยังคงดึงดันทำสิ่งที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐมากกว่านี้ และล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้ทวีตข้อความว่า คลังอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐมีความแข็งแกร่ง และมีอำนาจมากกว่าในอดีต
นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังประกาศว่าจะชิงโจมตีสหรัฐก่อน ด้วยการยิงขีปนาวุธถล่มเกาะกวม ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากที่สหรัฐได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด 2 ลำจากฐานทัพดังกล่าวไปยังเกาหลีใต้ เพื่อร่วมซ้อมทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลงสู่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของเกาหลีเหนือ
หุ้น G4S ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยรายใหญ่ของยุโรป ดิ่งลง 7.5% หลังจากบริษัทได้คงคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2560 แม้ว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกดีดตัวขึ้นก็ตาม
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มผู้ผลิตเมืองทองคำดีดตัวขึ้น หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นเฟรสนิลโล และหุ้นโพลีเมทัล อินเตอร์เนชันแนล ปรับตัวขึ้น 4.9% และ 3.3% ตามลำดับ
ส่วนหุ้นนอร์ดิสก์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยารายใหญ่ ทะยานขึ้น 7.9% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มผลประกอบการในปี 2560