ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี
ณ เวลา 20.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 55 จุด หรือ 0.25% สู่ระดับ 21,963 จุด
นายไมฮา ริเบอร์นิค นักวิเคราะห์จากบริษัทเวอริสค์ เมเพิลครอฟท์ กล่าวว่า ถึงแม้เกาหลีเหนืออาจทำการยั่วยุจนเกิดความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีในขณะนี้ แต่โอกาสที่จะเกิดสงครามยังคงอยู่ในระดับต่ำ
นายริเบอร์นิคกล่าวว่า ความเสี่ยงในการเกิดสงครามยังคงมีน้อย เนื่องจากสิ่งบ่งชี้ที่จะทำให้ทั้งเกาหลีเหนือและสหรัฐตัดสินใจใช้ปฏิบัติการทางทหารยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ที่เกิดความตึงเครียดครั้งล่าสุดในเดือนเม.ย.
นายริเบอร์นิคระบุว่า ถึงแม้ทั้งนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ต่างก็เป็นคนพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา แต่เป็นที่เชื่อกันว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ต้องการทำในสิ่งที่ตนเองพูดไว้
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือยังคงทำการทดลอง และผลิตขีปนาวุธ และอาวุธนิวเคลียร์เพื่อเป็นการรับประกันความอยู่รอดของระบอบการปกครองของตน แต่ก็รู้ดีว่า วันใดก็ตามหากมีการใช้ขีปนาวุธ และอาวุธนิวเคลียร์จริง ก็จะเป็นการบ่งชี้ถึงจุดจบการปกครองของตระกูลคิม
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ก็มีความกังวลลึกๆว่า หากสหรัฐทำการชิงโจมตีเกาหลีเหนือก่อน ก็จะทำให้เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐ ไม่อาจรอดพ้นการโจมตีจากเกาหลีเหนือเช่นกัน
นายริเบอร์นิคระบุว่า ฝ่ายที่กดปุ่มยิงขีปนาวุธ หรือระเบิดนิวเคลียร์เป็นฝ่ายแรก จะต้องแบกรับความเสี่ยงมหาศาลที่จะตามมา
นายริเบอร์นิคกล่าวว่า ทางออกที่เป็นไปได้ในขณะนี้คือ สหรัฐยอมตกลงที่จะเจรจา โดยไม่มีการบังคับให้เกาหลีเหนือต้องปลดอาวุธ หรือทางฝ่ายเกาหลีเหนือยินยอมปลดอาวุธเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจทรุดตัว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 244,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 240,000 ราย
อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 127 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970
นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าว จะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐประกาศแผนปรับลดงบดุลวงเงิน 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในการประชุมเดือนหน้า
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ร่วงลง 0.1% ในเดือนก.ค.เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2016 หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.
การร่วงลงของดัชนี PPI ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของค่าใช้จ่ายในภาคบริการ ขณะที่ราคาพลังงานอ่อนตัวลง