ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นภาคบ่ายวันนี้ เหตุนักลงทุนคลายกังวลคาบสมุทรเกาหลี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 15, 2017 11:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในการซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่แนวโน้มที่เกาหลีเหนือจะยิงขีปนาวุธไปยังเกาะกวมนั้นมีความเป็นไปได้น้อยลง และทางการสหรัฐก็ออกมาระบุว่า จะใช้วิธีทางการทูตเพื่อจัดการกับสถานการณ์

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,358.09 จุด เพิ่มขึ้น 107.86 จุด, +0.40% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,770.79 จุด ลดลง 0.29 จุด, -0.02% ส่วนตลาดหุ้นอินเดียปิดทำการวันนี้ (15 ส.ค.) เนื่องในวันประกาศอิสรภาพ

สำหรับสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีนั้น นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐ และนายจิม แมททิส รมว.กลาโหมสหรัฐ ได้ออกมาระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะยังคงใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลี

ทั้งนี้ นายทิลเลอร์สัน และนายแมททิสได้ระบุในบทความที่มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลฉบับวานนี้ว่า "สหรัฐไม่มีความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือ หรือเร่งกระบวนการรวมชาติเกาหลี"

ทางด้านพลโท เฮอร์เบิร์ต เรย์มอนด์ แมคมาสเตอร์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าวว่า "ผมคิดว่าเราไม่ได้ใกล้เข้าสู่ภาวะสงครามมากกว่าเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เราเข้าใกล้มากกว่าเมื่อเทียบกับช่วง 1 ทศวรรษที่แล้ว"

สำนักข่าว KCNA ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้เข้าตรวจสอบการบัญชาการของกองกำลังยุทธศาสตร์แห่งกองทัพประชาชนเกาหลี และได้รับฟังการสรุปแผนการยิงขีปนาวุธลงสู่น่านน้ำบริเวณเกาะกวม ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานทัพแห่งหนึ่งของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้กล่าวโทษสหรัฐว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้สถานการณ์เกิดความตึงเครียดมากขึ้น และได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ พิจารณา "ผลดีและผลเสียให้ดีว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นให้ผลประโยชน์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากกว่ากันหรือไม่"

ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวว่า "เพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งทางทหารที่อาจก่อให้เกิดอันตรายบนคาบสมุทรเกาหลี สหรัฐจำเป็นต้องใช้ตัวเลือกที่เหมาะสมก่อน และแสดงให้เห็นด้วยการกระทำ"

สำหรับความเคลื่อนไหวระหว่างสหรัฐและจีนนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ดำเนินการตรวจสอบการปฏิบัติทางการค้าของจีน ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา แม้หลายฝ่ายได้แสดงความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษ เพื่อให้สิทธิอำนาจกับนายไลท์ไทเซอร์ในตรวจสอบประเด็นดังกล่าว

นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กได้กล่าวแสดงความเห็นเมื่อวานนี้ว่า เขายังคงสนับสนุนให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ที่เฟดวางไว้

ทั้งนี้ นายดัดลีย์ระบุว่า มีเหตุสองประการที่ทำให้เขาสนับสนุนการชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยประการแรกคือ ภาวะด้านการเงินที่ส่งสัญญาณผ่อนคลายลงแม้ว่าเฟดได้ประกาศใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน และประการที่สองคือ อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ในปัจจุบัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ