ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เกาหลีเหนือเริ่มลดน้อยลง ขณะที่นักลงทุนหันมาจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึง ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2
ณ เวลา 18.19 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้น 29 จุด หรือ 0.13% แตะที่ 21,903 จุด
นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ไม่ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรงในการตอบโต้เกาหลีเหนือที่ยิงขีปนาวุธพิสัยกลางรุ่น "ฮวาซอง-12" พุ่งข้ามเกาะญี่ปุ่นก่อนไปตกในน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อช่วงเช้าวานนี้
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้อย่างใกล้ชิด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐมีกำหนดจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 ของสหรัฐในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ไตรมาส 2 จะขยายตัว 2.7% ซึ่งสูงกว่าการประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระบุว่า GDP มีการขยายตัว 2.6%
นอกจากนี้ ในเวลาเดียวกัน ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนทั่วสหรัฐประจำเดือนส.ค. โดยข้อมูลดังกล่าวมีการเปิดเผยก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.ในวันศุกร์นี้
นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ของจะขยายตัวเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ขยายตัวมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือนก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานเดือนส.ค.จะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.3%
รายได้ต่อชั่วโมงซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. และหากเทียบเป็นรายปี คาดว่ารายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 2.6% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนก.ค.
หุ้นร็อคเวลส์ คอลลินส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในวันนี้ หลังจากมีรายงานว่าบริษัทยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ใกล้บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อกิจการร็อคเวลล์ คอลลินส์ ในวงเงินกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์