ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐที่สูงกว่าคาดในเดือนส.ค. และบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ณ เวลา 20.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 34 จุด หรือ 0.15% สู่ระดับ 22,078 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนก.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้น 6.3% ของราคาน้ำมันเบนซิน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์พัดถล่มรัฐเท็กซัสของสหรัฐ จนทำให้โรงกลั่นน้ำมันจำนวนมากต้องปิดการดำเนินงานชั่วคราว
ดัชนี CPI ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าว บ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนส.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8% หลังจากปรับตัวขึ้น 1.7% ในเดือนก.ค.
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.1% เป็นเวลา 4 เดือนติดต่อกัน
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 1.7% ในเดือนส.ค. โดยเป็นการดีดตัวขึ้น 1.7% เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเดินหน้าผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีในปีนี้