ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนลบในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตามาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ณ เวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 22,349 จุด ลดลง 31.74 จุด หรือ 0.14%
หุ้นกลุ่มสื่อสารดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ร่วงลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น 4.8% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นเป็นไตรมาสที่ 8 ติดต่อกัน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1997
นักลงทุนจับตามาตรการปรับลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยในวันนี้ ปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนปฏิรูปภาษี ขณะที่เขากล่าวปราศรัยต่อสมาคมผู้ผลิตแห่งชาติสหรัฐที่กรุงวอชิงตัน
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีวงเงินเกือบ 6 ล้านล้านดอลลาร์ โดยปธน.ทรัมป์เสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดลงสู่ระดับ 35% จากปัจจุบันที่ 39.6% โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ
การเปิดเผยมาตรการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปี มีขึ้นในระหว่างที่ปธน.ทรัมป์กล่าวปราศรัยที่เมืองอินเดียนาโพลิส โดยนอกเหนือจากการเสนอให้ปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้ว ปธน.ทรัมป์ยังได้เปิดเผยแผนการปรับลดภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และยกเลิกนโยบายลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งรวมถึงกลุ่มบุคคลที่ได้ประโยชน์จากนโยบายลดหย่อนภาษีในรัฐที่เป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครต
ขณะเดียวกัน การแข็งค่าของดอลลาร์ในวันนี้ เป็นปัจจัยกระทบต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่ต้องพึ่งพารายได้จากต่างประเทศ
ดอลลาร์ปรับตัวในกรอบกลางของ 112 เยนในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนไม่ต้องการซื้อขายล็อตใหญ่ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองในญี่ปุ่น ก่อนการเลือกตั้งในเดือนหน้า
ณ เวลา 19.09 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.13% สู่ระดับ 112.48 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.35% สู่ระดับ 132.83 เยน และดีดตัวขึ้น 0.21% สู่ระดับ 1.1810 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.02% สู่ระดับ 93.07
ดอลลาร์ดีดตัวสู่กรอบบนของ 112 เยนในช่วงแรก ก่อนที่จะชะลอตัวลงในช่วงบ่าย จากการที่นักลงทุนปรับโพสิชั่นการลงทุน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนส.ค. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค.
การใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนส.ค. ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ซึ่งฉุดยอดขายรถยนต์
นอกจากนี้ ภาวะอากาศที่อบอุ่นในบางภาคของสหรัฐ ก็ได้ลดอุปสงค์ในภาคสาธารณูปโภค
หากมีการปรับค่าตามเงินเฟ้อ การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐลดลง 0.1% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.
นอกจากนี้ รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค.
ส่วนตัวเลขการออมของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 5.229 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2016 จากระดับ 5.248 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.