ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์พุ่ง 160.16 จุดปิดทะลุ 23,000 จุดเป็นครั้งแรก รับผลประกอบการ IBM สดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 19, 2017 05:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นเหนือแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 23,000.00 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (18 ต.ค.) พร้อมเดินหน้าทำนิวไฮต่อเนื่อง ขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของตลาด โดยเฉพาะบริษัทไอบีเอ็ม ที่ส่งสัญญาณเป็นบวกต่อนักลงทุน หลังจากบริษัทเผยกำไรและยอดขายในไตรมาส 3 สูงเกินคาด แถมมองว่ารายได้จะพลิกกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,157.60 จุด เพิ่มขึ้น 160.16 จุด หรือ +0.70% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,561.26 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด หรือ +0.07% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,624.22 จุด เพิ่มขึ้น 0.56 จุด หรือ +0.01%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน และปิดบวกมากที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์ เช่นเดียวกับ S&P ที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ขณะที่ทั้ง 3 ดัชนีหลักต่างปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 23 ในปีนี้

หุ้นไอบีเอ็มปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 8 ปี หลังจากที่บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ รวมทั้งคาดการณ์ว่าบริษัทจะมียอดขายเติบโตขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 5 ปี โดยหุ้นไอบีเอ็มมีส่วนสำคัญในการช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ดีกว่าอีก 2 ดัชนีหลักอย่าง S&P และ Nasdaq ที่ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย

ไอบีเอ็ม คอร์ป บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แม้รายได้ของบริษัทยังคงปรับตัวลดลงเป็นไตรมาสที่ 22 ติดต่อกันก็ตาม

ไอบีเอ็มเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 2.73 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.92 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 3 ซึ่งลดลงจากระดับ 2.85 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.98 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.84 ดอลลาร์/หุ้น

ขณะที่รายได้รวมปรับตัวลง 0.4% สู่ระดับ 1.915 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 1.922 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยถึงแม้รายได้ลดลง แต่ก็เป็นการลดลงไม่ถึง 1% และดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 1.86 หมื่นล้านดอลลาร์

หากไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ไอบีเอ็มมีผลกำไร 3.30 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.28 ดอลลาร์

รายงานของไอบีเอ็มระบุว่า ผลกำไรและยอดขายประจำไตรมาส 3 ได้แรงหนุนจากการขยายตัวของธุรกิจดั้งเดิมอย่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

ด้านแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดเช่นกัน โดยกำไรของบริษัทออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากยอดขายที่แข็งแกร่งในธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์

บริษัทที่ปรึกษา เอิร์นนิงส์ สเกาต์ ระบุว่า ฤดูการรายงานผลประกอบการล่าสุดนี้เริ่มต้นดี โดยบริษัทมากกว่า 80% ได้เปิดเผยผลกำไรที่ออกมาดีเกินคาด ขณะที่ 73% เผยยอดขายสูงกว่าที่ได้มีการประมาณการไว้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ย. ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 5 ในรอบ 6 เดือน สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากการก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวในภาคใต้ของสหรัฐปรับตัวลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และเออร์มา

ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนก.ย. ลดลง 4.7% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 1.127 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2559 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงมาอยู่ที่ราว 1.17 ล้านยูนิต จากระดับ 1.183 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับทบทวนขึ้นจากรายงานเบื้องต้นที่ระดับ 1.180 ล้านยูนิต

อย่างไรก็ดี หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 6.1% ในเดือนก.ย.

ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงรายงานว่า การอนุญาตก่อสร้างบ้านเดือนก.ย. ลดลง 4.5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.215 ล้านยูนิต และลดลง 4.3% เมื่อเทียบรายปี

ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวในอัตราเล็กน้อยถึงปานกลาง

หุ้นไอบีเอ็มพุ่งขึ้น 8.9% สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2552 หรือในรอบกว่า 8 ปี หลังบริษัทคาดการณ์ว่ารายได้จะพลิกกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่ปรับตัวลดลงมากว่า 5 ปี ไอบีเอ็มระบุว่า บริษัทจะแสดงให้นักลงทุนเห็นว่าในที่สุดบริษัทก็สามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยไอบีเอ็มคาดว่า รายได้ไตรมาส 4 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเกือบ 1.5% มาอยู่ในช่วง 2.2-2.21 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ว่าจะอยู่ที่ 2.18 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นแอ็บบอต ลาบอแรตอรีส ปรับตัวขึ้น 1.3% หลังบริษัทเปิดเผยรายงานทางการเงินประจำไตรมาส โดยกำไรออกมาดีเกินคาด จากยอดขายที่แข็งแกร่งของธุรกิจเครื่องมือแพทย์

ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 0.6% นำโดยซิตี้กรุ๊ป โกลด์แมนแซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งดีดตัวขึ้นรับมุมมองที่เป็นบวกจากโบรกเกอร์ หลังจากที่หุ้นแบงก์ได้ร่วงลงภายหลังจากที่ได้มีการรายงานผลประกอบการก่อนหน้านี้ โดยก่อนหน้าที่จะมีการเปิดเผยผลประกอบการนั้น หุ้นกลุ่มธนาคารได้ปรับตัวขึ้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดแรงเทขายหุ้นกลุ่มนี้หลังการรายงานงบการเงิน

หุ้นแอลเลอร์แกนปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยร่วงลง 5.4% เมื่อคืนนี้ หลังศาลมีคำตัดสินเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ให้บริษัทเป็นฝ่ายแพ้ในคดีสิทธิบัตรเกี่ยวกับยาหยอดตาแก้โรคตาแห้ง Restasis (รีสตาซิส)

หุ้นอิเล็กทรอนิก อาตส์ หรืออีเอ บริษัทวิดีโอเกม ลบ 2.4% จากข่าวที่ว่าบริษัทกำลังจะปิดหน่วยธุรกิจแห่งหนึ่ง

ทั้งนี้ นักลงทุนยังจับตาการแต่งตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยขณะนี้มีตัวเก็ง 5 คนที่อาจได้รับการพิจารณา ซึ่งได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า, นายแกรี โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์, นายเควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการเฟด, นายเจอโรม พาวเวล หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดสมัยปัจจุบัน และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยทางทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวันพุธว่า ปธน.ทรัมป์จะประกาศการตัดสินใจเรื่องนี้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ