ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทโบลิเดน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ของสวีเดน และจากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นวิตเบรด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรม เชนร้านกาแฟและร้านอาหารรายใหญ่ของอังกฤษ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากมีรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซน ปรับตัวลดลงในเดือนต.ค.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 389.33 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,394.80 จุด เพิ่มขึ้น 7.99 จุด หรือ +0.15% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,013.19 จุด เพิ่มขึ้น 10.05 จุด หรือ +0.08% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,526.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.09 จุด หรือ +0.03%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากแรงขายที่ส่งเข้าฉุดหุ้นวิตเบรด โดยราคาหุ้นดังกล่าวปิดตลาดร่วงลง 4.8% หลังจากบริษัทรายงานยอดขายที่ชะลอตัวลงในธุรกิจร้านกาแฟ "คอสตา คอฟฟี"
หุ้นโบลิเดน ดิ่งลง 6.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด รวมทั้งข่าวที่ว่านายเลนนาร์ท เอิร์ฟเรลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโบลิเดน จะลาออกจากตำแหน่งในปีหน้า
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นของยูโรโซน อยู่ที่ 54.9 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ลดลงจากระดับ 55.8 ในเดือนก.ย. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 58.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ลดลงจากระดับ 59.2 ในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ตาม หุ้น AMS ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของบริษัทแอปเปิล อิงค์ ทะยานขึ้น 22% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 4 ปีนี้
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่า ECB อาจจะประกาศการปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)