ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 28.50 จุด รับผลประกอบการสดใส,นักลงทุนจับตาประชุมเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 1, 2017 06:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาบ้านและความเชื่อมั่นผู้บริโภค ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ พร้อมกับรอดูการเปิดเผยชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,377.24 จุด เพิ่มขึ้น 28.50 จุด หรือ +0.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,575.26 จุด เพิ่มขึ้น 2.43 จุด หรือ +0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,727.67 จุด เพิ่มขึ้น 28.71 จุด หรือ +0.43%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทในกลุ่มผู้ผลิตอาหาร นำโดยหุ้นมอนเดเลซ อินเตอร์เนชันแนล พุ่งขึ้น 5.4% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มผู้ผลิตอาหาร ปรับตัวขึ้น 0.5% ขณะที่หุ้นฮอร์เมล ฟู้ดส์ พุ่งขึ้น 3.4% หุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ ทะยานขึ้น 2.7% และหุ้นเจเนอรัล มิลส์ พุ่งขึ้น 2.5%

หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 1.4% ขานรับรายงานที่ว่า บริษัทแอปเปิลได้รับคำสั่งจองซื้อ iPhone X เป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่ที่เปิดรับจองเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยการพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิล ช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.4%

อย่างไรก็ตาม หุ้นไฟเซอร์ ปรับตัวลง 0.3% แม้ว่าบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่รายนี้ได้เปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 67 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 64 เซนต์

ขณะที่หุ้นมาสเตอร์การ์ด ขยับลง 0.1% แม้บริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.40 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.28 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.8% และสูงกว่าระดับ 5.9% ในเดือนก.ค.

ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐทะยานขึ้น สู่ระดับ 125.9 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2543 ซึ่งขณะนั้น ดัชนีอยู่ที่ระดับ 128.6 นักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า โดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเสนอชื่อประธานเฟดคนใหม่ในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่สื่อหลายสำนักรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเลือกนายเจอโรม พาวเวล ขึ้นดำรงตำแหน่งดังกล่าว ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมครั้งนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 300,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี หรือเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค. จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ