ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 57.77 จุด รับเฟดคงดอกเบี้ย,แสดงมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 2, 2017 06:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และแสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งข้อมูลภาคบริการและการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนต.ค. ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเปิดเผยชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าวในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,435.01 จุด เพิ่มขึ้น 57.77 จุด หรือ +0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,579.36 จุด เพิ่มขึ้น 4.10 จุด หรือ +0.16% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,716.53 จุด ลดลง 11.14 จุด หรือ -0.17%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวก หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับแสดงมุมมองที่เป็นบวกว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และสามารถรองรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่พายุเฮอร์ริเคนที่เกิดขึ้นจะไม่มีผลกระทบมากนักต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ส่วนตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในระยะกลาง

ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของเฟดถือเป็นการส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสเกือบ 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดเมื่อคืนนี้ด้วย โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 135,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.

ส่วนข้อมูลภาคบริการนั้น สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM ปรับตัวสู่ระดับ 58.7 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 58.6 ขณะที่ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.6 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ จากระดับ 53.1 ในเดือนก.ย.

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นเอสเต ลอเดอร์ ทะยานขึ้น 9.2% หลังจากบริษัทได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายในช่วงเทศกาลวันหยุดในไตรมาส 4 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่หุ้นยูเอส สตีล พุ่งขึ้น 7.8% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัท

หุ้นอัลเลอร์แกน พีแอลซี พุ่งขึ้น 4.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้และกำไรสุทธิที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของวอลล์สตรีท ขณะที่บริษัทนิวยอร์ก ไทม์ส โค เปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของบริษัทปิดตลาดปรับตัวลง 5.8%

หุ้นแอปเปิล ปิดตลาดขยับลง 1.3% หลังจากพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า แอปเปิลได้รับคำสั่งจองซื้อ iPhone X เป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่ที่เปิดรับจองเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

นักลงทุนยังคงจับตาผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ แทนนางเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า โดยปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยชื่อประธานเฟดคนใหม่ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

ทั้งนี้ สื่อหลายสำนักระบุว่า ปธน.ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเลือกนายเจอโรม พาวเวล ให้ขึ้นทำหน้าที่ประธานเฟด โดยเชื่อว่าหากนายพาวเวลได้รับคัดเลือกให้ทำหน้าที่ประธานเฟด เขาจะเดินหน้าสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามแนวทางของนางเยลเลน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.จะเพิ่มขึ้น 300,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี หรือเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนต.ค. จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ