ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 64.65 จุด หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเดือนธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 23, 2017 07:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (22 พ.ย.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐหดตัวลงในเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ยังคงปิดทำนิวไฮ เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,526.18 จุด ลดลง 64.65 จุด หรือ -0.27% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,867.36 จุด เพิ่มขึ้น 4.88 จุด หรือ +0.07% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,597.08 จุด ลดลง 1.95 จุด หรือ -0.08%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลงหลังจากรายงานการประชุมของเฟดระบุว่า กรรการเฟดส่วนใหญ่มองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (federal funds rate) ครั้งต่อไปในเดือนธ.ค.นั้น ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม หากข้อมูลที่เฟดได้รับมานั้นบ่งชี้ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลางยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยกรรมการเฟดเชื่อว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคเอกชนจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตในระยะใกล้นี้ พร้อมระบุว่า ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง แม้ได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งจากพายุเฮอร์ริเคน

อย่างไรก็ตาม มีกรรมการเฟดบางส่วนให้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ พร้อมกับแนะนำให้เฟดดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่กรรมการเฟดอีกส่วนหนึ่งมองว่า การประวิงเวลานานเกินไปในการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน หรือถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินช้าเกินไป อาจจะสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินภายในประเทศ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 1.2% ในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนก.ย. โดยการร่วงลงของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนต.ค.นั้น ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลดลงของคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์

นักวิเคราะห์จากฟอร์ท พิทท์ แคปิตอล กล่าวว่า วอลุ่มการซื้อขายเมื่อคืนนี้เบาบางมาก เนื่องจากนักลงทุนได้ชะลอการซื้อขายก่อนที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 23 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

หุ้นฮิวเล็ต แพคการ์ด เอนเตอร์ไพร์ซ ร่วงลง 7.2% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ หลังจากมีรายงานว่า นางเม็ก วิทแมน ซีอีโอของฮิวเล็ต แพคการ์ด เอนเตอร์ไพร์ซ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังในช่วงครึ่งปีแรก

ส่วนหุ้นเอชพี อิงค์ ซึ่งถือหุ้นอยู่ในฮิวเล็ต แพคการ์ด เอนเตอร์ไพร์ซด้วยนั้น ร่วงลง 5% อันเนื่องมาจากรายงานดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวกและทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นเวอไรซอน พุ่งขึ้น 2% ขณะที่หุ้นเอทีแอนด์ที ดีดตัวขึ้น 1.6%

หุ้นควอลคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพสำหรับสมาร์ทโฟน พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากมีรายงานว่า บรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพในธุรกิจสื่อสาร เตรียมเพิ่มข้อเสนอเพื่อรุกซื้อกิจการของบริษัทควอลคอม

หุ้นเดียร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถแทรกเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.57 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.47 ดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายอยู่ที่ระดับ 7.09 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 6.99 พันล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ย.จากมาร์กิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ