ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนบวกในวันนี้ จากการคาดการณ์ที่ว่าชาวสหรัฐจะจับจ่ายซื้อสินค้าอย่างคึกคักในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า
ตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันนี้ หลังจากที่ปิดทำการวานนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
ณ เวลา 21.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,564.95 จุด เพิ่มขึ้น 38.77 จุด หรือ 0.16%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ตามการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นใกล้แตะ 59 ดอลลาร์ในวันนี้ ทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัวในสหรัฐ หลังจากมีการปิดท่อส่งน้ำมันจากแคนาดาไปยังสหรัฐ
ณ เวลา 20.56 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.38% สู่ระดับ 58.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2558
ทั้งนี้ บริษัททรานส์แคนาดา คอร์ป จะลดการจ่ายน้ำมันลง 85% ผ่านทางท่อส่งน้ำมันคีย์สโตนไปยังสหรัฐจนถึงสิ้นเดือนนี้ หลังมีการปิดท่อส่งน้ำมันในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากพบการรั่วไหลของน้ำมันจำนวน 5 พันบาร์เรลในรัฐเซาท์ ดาโกตา
ตามปกติ ท่อส่งน้ำมันคีย์สโตนจะส่งน้ำมันดิบ 590,000 บาร์เรล/วันจากรัฐอัลเบอร์ตาของแคนาดาไปยังตลาดสหรัฐ
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นประจำเดือนพ.ย.จากมาร์กิตในวันนี้ ขณะที่ไม่มีการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
นอกจากนี้ นักลงทุนจะเกาะติดยอดขายของบริษัทค้าปลีกในวันนี้เนื่องในวันแบล็กฟรายเดย์ รวมทั้งวันไซเบอร์มันเดย์ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้
อะโดบี อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า ชาวอเมริกันได้ใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์เป็นจำนวนเงินมากกว่า 1.52 พันล้านดอลลาร์ ณ เวลา 17.00 น.เมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งเป็นวันขอบคุณพระเจ้า
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจับจ่ายในช่วงวันแบล็กฟรายเดย์ปีนี้ อาจจะแซงตัวเลขการจับจ่ายในช่วงวันไซเบอร์มันเดย์ ซึ่งเป็นวันที่มีการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์มากที่สุด นอกจากนี้ คาดว่าผู้บริโภคจะยังคงซื้อสินค้าอย่างคึกคักในช่วงเช้าของวัน "สมอล บิสซิเนส แชทเทอร์เดย์" หรือวันเสาร์ถัดจากวันแบล็กฟรายเดย์
ทางด้านสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐ (NRF) คาดการณ์ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเดือนพ.ย.และธ.ค.ปีนี้ อาจแตะระดับ 6.558 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 2.5% ในช่วงเวลา 10 ปี และสูงกว่าค่าเฉลี่ย 3.4% ในช่วง 7 ปีนับตั้งแต่ปี 2552 ที่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัว