ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ทะยานขึ้นจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ยอดขายที่คึกคักในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นักลงทุนจับตายอดขายของบริษัทค้าปลีกในวันนี้ ขณะที่ผู้บริโภคพากันซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ เนื่องในวันไซเบอร์ มันเดย์
ณ เวลา 21.55 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,601.75 จุด เพิ่มขึ้น 43.76 จุด หรือ 0.19%
อย่างไรก็ดี ช่วงบวกในตลาดถูกจำกัดจากการที่นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวัง ก่อนที่วุฒิสภาจะลงมติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันที่ 16 พ.ย. แต่มีเนื้อหาแตกต่างจากฉบับของวุฒิสภาในหลายประเด็น
หากวุฒิสภาให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากนั้น วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรก็จะต้องนำร่างกฎหมายของทั้ง 2 สภามาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นร่างกฎหมายฉบับเดียวกัน ก่อนที่จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามรับรองให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ขณะที่ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงสวนทางตลาดวันนี้ ตามราคาน้ำมันที่ร่วงลง
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ ใกล้หลุด 58 ดอลลาร์ หลังการเปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่าสหรัฐทำการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
ณ เวลา 21.44 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 74 เซนต์ หรือ 1.26% สู่ระดับ 58.21 ดอลลาร์/บาร์เรล
การผลิตน้ำมันในสหรัฐพุ่งขึ้น 15% นับตั้งแต่กลางปีที่แล้ว สู่ระดับ 9.66 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสหรัฐเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสหรัฐจะเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันมากที่สุดในโลกภายในเวลา 5 ปี
เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 9 แท่น สู่ระดับ 747 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อเทียบรายเดือนนับตั้งแต่เดือนก.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายนีล แคชแครี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินเนอาโพลิส และนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐ และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย