ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 22.79 จุด หุ้นค้าปลีกพุ่งรับยอดใช้จ่ายวันแบล็กฟรายเดย์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 28, 2017 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากมีรายงานว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ในวันแบล็กฟรายเดย์ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่วุฒิสภาจะลงมติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,580.78 จุด เพิ่มขึ้น 22.79 จุด หรือ +0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,601.42 จุด ลดลง 1.00 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,878.52 จุด ลดลง 10.64 จุด หรือ -0.15%

หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอเมซอนดอทคอม ปรับตัวขึ้น 0.8% และทำสถิติปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ขณะที่หุ้นอเมริกัน อีเกิล เอ้าท์ฟิทเตอร์ พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นแก๊ป ดีดตัวขึ้น 1.2% และหุ้นดิลลาร์ด ทะยานขึ้น 4.7%

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นหลังจากอะโดบี อนาลิติกส์ รายงานว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ในวันแบล็กฟรายเดย์ หรือวันศุกร์หลังวันขอบคุณพระเจ้า ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 5.03 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ อะโดบี อนาลิติกส์ คดการณ์ว่า ยอดการใช้จ่ายในวันไซเบอร์ มันเดย์ จะพุ่งทำสถิติสูงสุดเช่นกัน

หุ้นไทม์ ซึ่งเป็นเจ้าของสื่อสิ่งพิมพ์รายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 9.5% หลังจากเมียร์ดิธ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อทีวีของสหรัฐ ประกาศทุ่มเงิน 2.8 พันล้านดอลลาร์ ซื้อกิจการของไทม์ อิงค์

รายงานระบุว่า ไทม์ อิงค์ ประสบปัญหารายได้จากการโฆษณาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ที่แยกกิจการจากไทม์ วอร์เนอร์ในปี 2557 โดยรายได้ในไตรมาส 3 ของไทม์ร่วงลง 9.5% สู่ระดับ 679 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค.พุ่งขึ้น 6.2% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 685,000 ยูนิต ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 6% นอกจากนี้ ยอดขายบ้านเดือนต.ค.ยังทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนที่วุฒิสภาจะลงมติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันที่ 16 พ.ย. แต่มีเนื้อหาแตกต่างจากฉบับของวุฒิสภาในหลายประเด็น

หากวุฒิสภาให้การอนุมัติร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากนั้น วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรก็จะต้องนำร่างกฎหมายของทั้ง 2 สภามาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นร่างกฎหมายฉบับเดียวกัน ก่อนที่จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามรับรองให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ขณะที่ปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาจะมอบการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ เป็นของขวัญสำหรับชาวอเมริกันในวันคริสต์มาสปีนี้

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดนิวยอร์ก หลังจากมีรายงานว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐพุ่งขึ้น 15% นับตั้งแต่กลางปีที่แล้ว สู่ระดับ 9.66 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ หุ้นเชฟรอน ปรับตัวลง 0.8% หุ้นมารอนธอน ออยล์ ดิ่งลง 4.3% และหุ้นเฮสส์ คอร์ป ร่วงลง 2.9%

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนก.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3/2560, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค. , รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และ การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ