ดาวโจนส์เปิดแดนบวก ก่อนร่วงลงต่อมา ขณะนักลงทุนวิตกปัจจัยการเมืองสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 5, 2017 22:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์เปิดแดนบวกในวันนี้ แต่ได้ร่วงลงในเวลาต่อมา จากความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับปัจจัยการเมืองในสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในวุฒิสภาสหรัฐ

ณ เวลา 21.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,261.55 จุด ลดลง 28.50 จุด หรือ 0.12% หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นสวนทางตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นแมคโดนัลด์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐมีมติรับรองร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีด้วยคะแนนเสียง 51-49 โดยวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันทุกคนยกเว้นนายบ็อบ คอร์กเกอร์ ต่างลงคะแนนเสียงรับรองร่างกฎหมายฉบับนี้ ขณะที่วุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตทุกคนลงคะแนนเสียงไม่รับรองร่างกฎหมายดังกล่าว

หลังจากนี้ สภาคองเกรสสหรัฐจะต้องรวมร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรเป็นร่างเดียวกัน และให้การอนุมัติ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป

ความแตกต่างสำคัญระหว่างร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในฉบับของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรคือ ร่างกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรจะกำหนดให้การปรับลดภาษีมีผลบังคับใช้ทันทีในปีหน้า ในขณะที่ร่างของวุฒิสภาจะชะลอการปรับลดภาษีจนกว่าจะถึงปี 2562

นักลงทุนยังคงจับตาปัจจัยการเมืองสหรัฐ หลังจากที่สื่อรายงานว่า นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เตรียมให้การซัดทอดนายทรัมป์ว่า เป็นผู้สั่งการให้เขาทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซียในช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว

นายฟลินน์ยังยอมรับว่า เขาได้ให้การเท็จต่อสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เกี่ยวกับการสนทนาของเขากับนายเซอร์เก คิซยัค เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐ

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตานายโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนโตของปธน.ทรัมป์ ซึ่งจะเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้ กรณีที่ปธน.ทรัมป์อาจพัวพันกับการที่รัสเซียเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

ทางด้านเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐรายหนึ่งกล่าวว่า ปธน.ทรัมป์จะทำการประกาศการตัดสินใจในวันพรุ่งนี้เกี่ยวกับสถานะของกรุงเยรูซาเลม ขณะที่ชาติอาหรับเตือนสหรัฐให้ตระหนักถึงผลกระทบร้ายแรงที่จะตามมา หากสหรัฐให้การยอมรับกรุงเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ซึ่งจะกระทบต่อความรู้สึกของชาวมุสลิมทั้งโลก

ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์จะประกาศการตัดสินใจเกี่ยวกับการย้ายสถานทูตสหรัฐประจำอิสราเอลไปยังกรุงเยรูซาเลม จากในขณะนี้ที่ตั้งอยู่ที่กรุงเทลอาวิฟ โดยประธานาธิบดีสหรัฐหลายคนก่อนหน้านี้ปฏิเสธที่จะย้ายสถานทูตออกจากกรุงเทลอาวิฟ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระพือความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

สำหรับการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในวันนี้นั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 8.6% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 4.87 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากที่ขาดดุล 4.49 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.

หากปรับค่าตามเงินเฟ้อ สหรัฐขาดดุลการค้า 6.53 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. จากระดับ 6.22 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย.

ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าและบริการของสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 1.959 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ขณะที่การนำเข้าสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 1.6% สู่ระดับ 2.446 แสนล้านดอลลาร์ โดยการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 47.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2558 ส่วนมูลค่าการนำเข้าอาหารพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ สหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 3.52 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ขาดดุลการค้าต่อเม็กซิโกพุ่งขึ้น 15.9% สู่ระดับ 6.6 พันล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในการประชุมสัปดาห์หน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ