ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 72.50 จุด หลังที่ประชุมเฟดคงดอกเบี้ยตามคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 1, 2018 06:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ม.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมล่าสุดซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับย้ำจุดยืนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นโบอิ้ง หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 4/2560 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,149.39 จุด เพิ่มขึ้น 72.50 จุด หรือ +0.28% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,823.81 จุด เพิ่มขึ้น 1.38 จุด หรือ +0.05% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,411.48 จุด เพิ่มขึ้น 9.00 จุด หรือ +0.12%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.25-1.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ พร้อมกับย้ำว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. พร้อมกับปรับเพิ่มมุมมองเกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยระบุว่า เฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเมื่อเทียบรายปีจะปรับตัวขึ้นในปีนี้ และมีเสถียรภาพที่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟดในระยะกลาง ขณะที่แนวโน้มความเสี่ยงในระยะใกล้ของเศรษฐกิจยังคงมีความสมดุล

นักวิเคราะห์มองว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการเฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐ โดยเนื้อหาในแถลงการณ์เกี่ยวกับเงินเฟ้อในเดือนนี้ แตกต่างจากเดือนที่แล้ว ซึ่งเฟดระบุว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน และเงินเฟ้อทั่วไป "ได้ปรับตัวลง และกำลังอยู่ในระดับต่ำกว่า 2%"

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นโบอิ้งที่พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 3.06 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้ 2.54 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าโบอิ้งจะมีกำไร 2.89 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้ 2.47 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นซีร็อกซ์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องถ่ายเอกสารและพริ้นเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิ 196 ล้านดอลลาร์ หรือ 78 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 4/2560 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขขาดทุนของซีร็อกซ์ยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ หุ้นซีร็อกซ์ยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทฟูจิฟิล์ม โฮลดิ้งส์ของญี่ปุ่นเตรียมเข้าซื้อกิจการของซีร็อกซ์ โดยรวมบริษัททั้งสองเข้าเป็น"ฟูจิ ซีร็อกซ์" เพื่อลดค่าใช้จ่าย

หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ผู้ผลิตชิพรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.8% ขณะที่หุ้นอิเล็กทรอนิก อาร์ท ผู้ผลิตวีดิโอเกมชื่อดัง ทะยานขึ้น 7% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2560

หุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน ปรับตัวขึ้น 1.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในไตรมาส 4/2560 และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2561

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพยังคงร่วงลงและสร้างแรงกดดันต่อตลาดในระหว่างวัน โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสุขภาพร่วงลง 1.2% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทอเมซอน, เจพีมอร์แกน เชส และเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ประกาศแผนจับมือกันตั้งบริษัทแห่งใหม่ขึ้นมา ซึ่งจะไม่มุ่งเน้นการแสวงหาผลกำไร แต่จะส่งเสริมสุขภาพของพนักงาน ด้วยการลดรายจ่ายด้านการรักษาสุขภาพ โดยอเมซอน, เจพีมอร์แกน และเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ มีพนักงานรวมกันทั่วโลกมากกว่า 1.1 ล้านคน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐที่เป็นปัจจัยที่หนุนตลาดเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 234,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง และใกล้เคียงกับระดับ 250,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.

ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดการขาย และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนสำหรับการเซ็นสัญญาไปจนกระทั่งปิดการขาย

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ