(REPEAT) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 665.75 จุด วิตกบอนด์ยีลด์พุ่ง,เฟดขึ้นดบ.เร็วกว่าคาด หลังจ้างงานแข็งแกร่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 5, 2018 06:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อวันศุกร์ (2 ก.พ.) โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะเดียวกัน การพุ่งขึ้นของตัวเลขจ้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น ยังกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,520.96 จุด ร่วงลง 665.75 จุด หรือ -2.54% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,240.95 จุด ลดลง 144.92 จุด หรือ -1.96% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,762.13 จุด ลดลง 59.85 จุด หรือ -2.12%

ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 4.1% ขณะที่ดัชนี S&P ปรับตัวลง 3.9% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 3.5%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 200,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี

ส่วนตัวเลขรายได้ หรือค่าแรงต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้น 9 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์อินเวสโคกล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดในปีนี้ และยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทะยานขึ้นเมื่อวันศุกร์ด้วย ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ขณะที่นักวิเคราะห์จากแน็ทเวสต์ มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ตัวเลขรายได้หรือค่าแรงของแรงงานที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 9 ปีในเดือนม.ค.นั้น จะเป็นปัจจัยหนุนให้คณะกรรมการเฟดภายใต้การนำของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคนใหม่ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มากกว่า 3 ครั้งที่มีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้ เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่จะดีดตัวขึ้น

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3% แตะที่ 3.074% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว เมื่อวันศุกร์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ทะยานขึ้นแตะ 2.83% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี

หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 4.4% หลังจากแอปเปิลเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 ธ.ค. 2560 โดยระบุว่า รายได้เพิ่มขึ้น 13% เทียบรายปี สู่ระดับ 8.83 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 16% เทียบรายปี สู่ระดับ 3.89 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม รายได้และกำไรของแอปเปิลยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 4.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ที่น้อยกว่าคาด

หุ้นดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนีและจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลง 8.4% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิ 2.18 พันล้านยูโรในไตรมาส 4/2560

หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 5.1% และหุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 5.6% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของวอลล์สตรีท

ส่วนหุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 3.75 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 6.05 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ระดับ 5.983 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกเหนือจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรแล้ว ทางการสหรัฐยังเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆเมื่อวันศุกร์ด้วยเช่นกัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนธ.ค. โดยพุ่งขึ้น 1.7% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5% ทางด้านผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 95.7 ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะร่วงลงสู่ระดับ 95.0 หลังจากอยู่ที่ระดับ 95.9 ในเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ