ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งเกือบ 200 จุด บ่งชี้วอลล์สตรีทดีดตัวขานรับผลประกอบการ,ตัวเลขศก.สหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 8, 2018 21:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่งขึ้นเกือบ 200 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับผลประกอบการ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใส

นอกจากนี้ ตลาดจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ย

ณ เวลา 21.20 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 186 จุด หรือ 0.75% สู่ระดับ 24,921 จุด

บริษัททวิตเตอร์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4 โดยระบุว่า บริษัทสามารถมีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ขณะที่มีผลประกอบการสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ทั้งนี้ ทวิตเตอร์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 19 เซนต์/หุ้น เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 14 เซนต์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทระบุรายได้ที่ระดับ 732 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 686 ล้านดอลลาร์

ราคาหุ้นของทวิตเตอร์พุ่งขึ้นมากกว่า 20% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 45 ปี สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 232,000 ราย

ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 153 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งจะลงมติต่อร่างงบประมาณในวันนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ที่อาจเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ขานรับผู้นำวุฒิสภาที่สามารถบรรลุข้อตกลงร่างงบประมาณ ก่อนที่วุฒิสภาเต็มคณะจะลงมติในวันนี้

"ข้อตกลงงบประมาณมีความสำคัญต่อกองทัพของเรา ซึ่งจะช่วยให้ท่านรัฐมนตรีกลาโหมได้งบประมาณที่มีความจำเป็นในการทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่ พรรครีพับลิกันและเดโมแครตจะต้องสนับสนุนกองทัพของเรา และงบประมาณฉบับนี้" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ทั้งนี้ นายมิตช์ แมคคอนเนล จากพรรครีพับลิกัน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา และนายชัค ชูเมอร์ จากพรรคเดโมแครต ผู้นำเสียงข้างน้อยจากพรรคเดโมแครต ต่างก็ให้การสนับสนุนงบประมาณดังกล่าว ก่อนที่วุฒิสภาจะลงมติในวันนี้

วุฒิสภาสหรัฐเตรียมลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณในวันนี้ ก่อนที่งบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในวันนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ที่อาจเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้

ร่างกฎหมายงบประมาณที่วุฒิสภาจะพิจารณาในวันนี้ จะมีการเพิ่มงบประมาณขึ้นอีกราว 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า โดยกระทรวงกลาโหมจะได้รับ 1.65 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่โครงการต่างๆในประเทศได้รับ 1.31 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมทั้งงบประมาณในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฮอร์ริเคนในรัฐเท็กซัส, ฟลอริดา และเปอร์โตริโก

หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าว ก็จะมีการส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้การอนุมัติต่อไป ก่อนที่จะให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเป็นกฎหมาย

อย่างไรก็ดี หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณภายในเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลาเที่ยงของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย สหรัฐก็จะเผชิญภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง หลังจากที่เกิดการชัตดาวน์เป็นเวลา 3 วันในเดือนที่แล้ว

นอกจากนี้ ตลาดจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยเจ้าหน้าที่เฟดที่จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ ได้แก่ นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส, นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย, นายนีล แคชแครี ประธานเฟด สาขามินเนอาโพลิส และนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้

นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวในวันนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจมีการขยายตัวแตะจุดสูงสุดในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวลงในช่วง 2 ปีข้างหน้า

นายแคปแลนระบุว่า ปีนี้จะเป็นปีที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยเฟดดัลลัสคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2.50-2.75%

นายแคปแลนยังคาดการณ์ว่า อัตราการว่างงานจะลดลงต่ำกว่า 4% ในปีนี้ ขณะที่การจ้างงานอยู่ในภาวะใกล้เต็มศักยภาพ

นอกจากนี้ นายแคปแลนยังกล่าวว่า เฟดควรถอนตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เนื่องจากตลาดแรงงานที่ตึงตัวได้เพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ

นายแคปแลนกล่าวว่า การที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททรุดตัวลงในระยะนี้ ถือเป็นการปรับฐานที่ดี หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และเขาคาดว่าการดิ่งลงของตลาดหุ้นจะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจแต่อย่างใด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ