ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 1,032.89 จุด วิตกบอนด์ยีลด์พุ่งหนุนเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 9, 2018 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 1,000 จุดเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนอย่างหนัก หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในปีนี้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนจับการลงมติร่างกฎหมายงบประมาณของวุฒิสภาสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,860.46 จุด ร่วงลง 1,032.89 จุด หรือ -4.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,581.00 จุด ลดลง 100.66 จุด หรือ -3.75% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,777.16 จุด ลดลง 274.82 จุด หรือ -3.90%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนอย่างหนักเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกต่อกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดในปีนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากข้อมูลแรงงานล่าสุดของสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดีดตัวสู่ระดับ 2.878% ซึ่งใกล้แตะระดับสูงสุดในนรอบ 4 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.164% เมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 45 ปี สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 232,000 ราย นายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาเปิดกว้างต่อการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. พร้อมกับคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ แต่เฟดก็อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 โดยขึ้นอยู่กับว่าอัตราเงินเฟ้อได้ดีดตัวขึ้นต่อไปหรือไม่ และสภาวะการเงินยังคงผ่อนคลายหรือไม่

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเมืองในสหรัฐ โดยนักลงทุนจับตาวุฒิสภาสหรัฐซึ่งกำลังลงมติร่างกฎหมายงบประมาณในขณะนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาชัตดาวน์ โดยหากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบต่อร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าว ก็จะมีการส่งต่อไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้การอนุมัติต่อไป ก่อนที่จะให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามรับรองเป็นกฎหมาย

ทั้งนี้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณภายในเวลาเที่ยงของวันนี้ตามเวลาไทย สหรัฐก็จะเผชิญภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง หลังจากที่เกิดการชัตดาวน์เป็นเวลา 3 วันในเดือนที่แล้ว

หุ้นเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 8.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 675 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.01 ดอลลาร์ต่อหุ้น

หุ้นทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ดิ่งลง 4.2% แม้บริษทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 4/2560 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม

หุ้นยัม แบรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพิซซ่า ฮัท, เคนตั๊กกี ฟรายชิกเก้น (KFC) และทาโก เบล ร่วงลง 4.8% หลังจากยัม แบรนด์ และบริษัทกรุ๊บฮับ อิงค์ ได้ประกาศเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในสหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นยอดขายทางออนไลน์และบริการจัดส่งอาหารของร้านในเครือยัม แบรนด์ อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกรุ๊บฮับ ทะยานขึ้น 27%

ส่วนหุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 12% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 19 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 14 เซนต์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ระดับ 732 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 686 ล้านดอลลาร์

หุ้นเคลล็อก ผู้ผลิตและจำหน่ายซีเรียลชื่อดังของสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 2.8% หลังจากบริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรในไตรมาส 4/2560 ได้ถึง 428 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.23 ดอลลาร์/หุ้น จากไตรมาส 4/2559 ที่ขาดทุน 53 ล้านดอลลาร์ หรือ 15 เซนต์/หุ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ