(REPEAT) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 330.44 จุด รับแรงซื้อเก็งกำไร,สภาคองเกรสไฟเขียวงบประมาณ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 12, 2018 06:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (9 ก.พ.) จากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังตลาดร่วงลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดี จากความกังวลที่ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ดีดตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ส่งผลให้ภาวะชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐสิ้นสุดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,190.90 จุด เพิ่มขึ้น 330.44 จุด หรือ +1.38% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,874.49 จุด เพิ่มขึ้น 97.33 จุด หรือ +1.44% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,619.55 จุด เพิ่มขึ้น 38.55 จุด หรือ +1.49%

สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ตลาดหุ้นสหรัฐถือว่าปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบเกือบสองปี โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 5.2% คิดเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2559 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 5.1% ในสัปดาห์นี้ ถือเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์ที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2559 เช่นเดียวกับดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวลง 5.2% มากสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนม.ค.

นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหุ้นที่ปรับตัวลงอย่างหนักในตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า เฟดอาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากข้อมูลด้านการจ้างงานของสหรัฐที่แข็งแกร่งหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวสูงสุดในรอบ 4 ปี

จากข้อมูลของ SentimenTrader ซึ่งเป็นเว็บไซต์ด้านการเงินระบุว่า การปรับตัวลงของดัชนีดาวโจนส์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นับเป็นการปรับตัวลงที่รวดเร็วที่สุดอันดับ 4 จากระดับสูงสุด นับตั้งแต่ที่มีการเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2440

ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ด้วยคะแนนเสียง 240-186 ทำให้การปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ได้สิ้นสุดลง หลังจากที่มีการชัตดาวน์เป็นเวลา 6 ชั่วโมงก่อนหน้านี้

ร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลมีงบประมาณในการบริหารประเทศไปจนถึงวันที่ 23 มี.ค. และจะมีการเพิ่มงบประมาณขึ้นอีกราว 3 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า โดยกระทรวงกลาโหมจะได้รับ 1.65 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่โครงการต่างๆในประเทศได้รับ 1.31 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฮอร์ริเคนในรัฐเท็กซัส, ฟลอริดา และเปอร์โตริโก

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวจะถูกส่งไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลงนามรับรองเป็นกฎหมายต่อไป

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่มีผลต่อการซื้อขายในตลาดเมื่อวันศุกร์ยังรวมถึงการที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. โดยสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระดับ 0.2% หลังจากที่พุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย. ขณะที่ยอดขายในภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนธ.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนพ.ย. บ่งชี้ว่า ผู้ค้าส่งจะใช้เวลา 1.22 เดือนในการจำหน่ายสินค้าทั้งหมดในสต็อก โดยลดลงจากระดับ 1.23 เดือนในเดือนพ.ย.

ในส่วนของข้อมูลหุ้นอื่นๆนั้น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างไฟร์อาย อิงค์ พุ่งขึ้น 9.4% หลังการเปิดเผยกำไรในไตรมาสสี่ประจำปี 2560 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัททำกำไรรายไตรมาสได้ โดยอยู่ที่ 1 เซนต์ต่อหุ้น จากเดิมที่ขาดทุนที่ 3 เซนต์ต่อหุ้นในปีก่อนหน้า ขณะที่หุ้นเอ็นวีเดียปรับตัวขึ้น 6.7% จากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ด้านหุ้นแมทเทล อิงค์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.9% หลังมีการแต่งนายอีนอน ไครซ์ อดีตประธานบริษัทเมคเกอร์ สตูดิโอ ขึ้นนั่งเป็นประธานบริษัทคนใหม่

อย่างไรก็ตาม หุ้นเอ็กซ์พีเดีย อิงค์ ร่วงลงกว่า 15.5% หลังไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้า เช่นเดียวกับหุ้นคู่แข่งอย่างทริปแอดไวเซอร์ อิงค์ ที่ปรับตัวลง 4.3%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ