ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่งขึ้นเกือบ 300 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นยุโรปและเอเชีย หลังจากที่ดาวโจนส์ปิดตลาดทะยานขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อวันศุกร์
นอกจากนี้ คาดว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นกว่า 1% จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนตลาด
ณ เวลา 17.27 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 287 จุด หรือ 1.19% สู่ระดับ 24,454 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 330.44 จุด หรือ 1.38% เมื่อวันศุกร์ จากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังตลาดร่วงลงอย่างหนักในวันพฤหัสบดี จากความกังวลที่ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ดีดตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่สภาคองเกรสสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ส่งผลให้ภาวะชัตดาวน์ของหน่วยงานรัฐสิ้นสุดลง
อย่างไรก็ดี แม้ว่าดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นในวันศุกร์ แต่เมื่อพิจารณาทั้งสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 5.2% ซึ่งเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2559
นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเสนองบประมาณสำหรับการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสในวันนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะชี้ชะตาว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะดิ่งลงต่อไป หรือจะฟื้นตัวขึ้น จะขึ้นอยู่กับการเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็จะฉุดให้ตลาดหุ้นเผชิญความผันผวน และทรุดตัวลงต่อไป
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 2.1% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีดังกล่าวจะทรงตัวที่ระดับดังกล่าวในเดือนม.ค.
"หากตัวเลข CPI ออกมาสูงกว่าคาด ก็จะสร้างความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นในตลาด แต่ถ้าตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด ก็จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง และหุ้นก็จะทะยานขึ้น" นายเจสัน แวร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของอัลเบียน ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าว