ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 410.37 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไร,"ทรัมป์"เผยแผนงบประมาณ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 13, 2018 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยมีการเพิ่มรายจ่ายด้านกลาโหม และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,601.27 จุด พุ่งขึ้น 410.37 จุด หรือ +1.70% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,981.96 จุด เพิ่มขึ้น 107.47 จุด หรือ +1.56% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,656.00 จุด เพิ่มขึ้น 36.45 จุด หรือ +1.39%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 5.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2559

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ปธน.ทรัมป์ได้เปิดเผยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ โดยมีการเพิ่มรายจ่ายด้านกลาโหม และการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค รวมทั้งการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก

ทั้งนี้ แผนงบประมาณดังกล่าว มีการจัดสรรงบประมาณวงเงิน 7.16 แสนล้านดอลลาร์สำหรับค่าใช้จ่ายด้านการทหาร และการรักษาคลังอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐ ขณะที่มีการจัดสรรงบ 2 แสนล้านดอลลาร์สำหรับการใช้จ่ายด้านโครงการสาธารณูปโภค และตั้งวงเงินมากกว่า 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน และการตรวจคนเข้าเมือง

นอกจากนี้ เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดดุลงบประมาณ แผนงบประมาณฉบับนี้ได้เสนอให้มีการตัดงบประมาณในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม ซึ่งจะช่วยลดการขาดดุลงบประมาณลงได้ 3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 10 ปี

นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่า การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมานั้น ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่เกิดขึ้นจากการที่ตลาดเข้าสู่ระยะพักฐาน ขณะที่ปัจจัยลบอีกส่วนหนึ่งมาจากความวิตกกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในปีนี้

หุ้นควอลคอมม์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ระดับโลก พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทบรอดคอมซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐ ได้รับเงินกู้มูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในการเสนอซื้อกิจการของควอลคอมม์

ในช่วงต้นเดือนก.พ. บรอดคอมได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการควอลคอมในวงเงิน 1.21 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากข้อเสนอครั้งแรกในเดือนพ.ย.ปีที่แล้วในวงเงิน 1.03 แสนล้านดอลลาร์ แต่ควอลคอมก็ได้ปฏฺเสธข้อเสนอทั้ง 2 ครั้งจากบรอดคอม โดยระบุว่าให้ราคาต่ำเกินไป

หุ้นทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ดีดตัวขึ้น 2.2% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทคอมคาสท์ อาจยื่นข้อเสนอซื้อธุรกิจบันเทิงของทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 0.85% หุ้นเชฟรอน ขยับขึ้น 0.4% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.6%

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เงินเฟ้อในสหรัฐ พร้อมกับจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนม.ค.ในวันพุธ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี ซึ่งหากตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)เดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ