ดาวโจนส์พลิกดีดตัวสู่แดนบวก จากอานิสงส์การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร,เทคโนโลยี

ดัชนีดาวโจนส์พลิกดีดตัวสู่แดนบวกในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นในกลุ่มธนาคาร และเทคโนโลยี

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงในช่วงแรก หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. ซึ่งสร้างความวิตกว่าจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่คาดไว้ในปีนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ดิ่งลงของสหรัฐ

ณ เวลา 23.39 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,676.87 จุด บวก 36.42 จุด หรือ 0.15%

หุ้นโกลด์แมน แซคส์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายวันนี้

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.3%

ก่อนหน้านี้ ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทรงตัวที่ระดับ 2.1% ในเดือนม.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9%

การพุ่งขึ้นของดัชนี CPI ได้แรงหนุนจากการดีดตัวของราคาอาหาร, น้ำมันเบนซิน, ค่าเช่า และค่าใช้จ่ายด้านการรักษาสุขภาพ

หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.2%

ก่อนหน้านี้ ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานทรงตัวที่ระดับ 1.8% ในเดือนม.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.7%

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกร่วงลง 0.3% ในเดือนม.ค. โดยเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากทรงตัวในเดือนธ.ค.

ยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลงในเดือนม.ค. ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง และยอดขายรถยนต์

อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนม.ค.

ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ทรงตัวในเดือนม.ค. หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค.