ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันนี้ โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยไม่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีครั้งใหม่
ณ เวลา 22.06 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,104.59 จุด เพิ่มขึ้น 211.10 จุด หรือ 0.85%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นในวันนี้ ต่อเนื่องจากที่ทะยานขึ้นเมื่อวานนี้ ขานรับการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.944% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.213% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2551 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 5 ปี ทะยานขึ้นสู่ระดับ 2.687% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2553
ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) พุ่งขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากทรงตัวในเดือนธ.ค.
การดีดตัวขึ้นของดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน และค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพ
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 2.7% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนธ.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบรายปี
ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 2.6% ในปีที่แล้ว หลังจากปรับตัวขึ้น 1.7% ในปี 2559
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหาร, พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 2.5% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2557 หลังจากเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนธ.ค.
ดัชนี PPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 2.3% ในปีที่แล้ว หลังจากปรับตัวขึ้น 1.8% ในปี 2559
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีเมื่อวานนี้ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. ซึ่งจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่คาดไว้ในปีนี้
เจพีมอร์แกนออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ทะยานขึ้นเมื่อวานนี้
รายงานของเจพีมอร์แกนยังคาดการณ์ว่า ในการประชุมเดือนหน้า เฟดจะปรับเพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เป็น 4 ครั้ง จากเดิมที่คาดว่าจะปรับขึ้น 3 ครั้ง
ในการซื้อขายเมื่อวานนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.904% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี หลังจากที่เพิ่งแตะระดับ 2.902% เมื่อวันจันทร์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาดของสหรัฐ จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นแตะระดับ 3% ในอีกไม่กี่เดือน
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 5 ปี พุ่งแตะระดับ 2.632% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2553
ทางด้านเฟดรายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐทรงตัวเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนม.ค. ขณะที่การผลิตในกลุ่มการบินและอวกาศ, พลาสติก และอาหาร ต่างก็ปรับตัวลง
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นการวัดการปรับตัวของภาคการผลิต, เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค โดยภาคการผลิตลดลง 0.1% ในเดือนม.ค. ขณะที่ภาคเหมืองแร่ดิ่งลง 1.0% ส่วนภาคสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น 0.6%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 45 ปีที่ทำไว้ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 154 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 3,500 ราย สู่ระดับ 228,500 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 27 ม.ค. มีจำนวนเพิ่มขึ้น 15,000 ราย อยู่ที่ระดับ 1.94 ล้านราย
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่อง ลดลง 5,750 ราย สู่ระดับ 1.94 ล้านราย