ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดดิ่ง 380.83 จุด นลท.ยังกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 1, 2018 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพลิกกลับมาปิดแดนลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.พ.) หลังจากที่ดีดตัวขึ้นในช่วงแรกของการซื้อขาย โดยนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐคนใหม่ได้ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,029.20 จุด ร่วงลง 380.83 จุด หรือ -1.50% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,713.83 จุด ลดลง 30.45 จุด หรือ -1.11% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,273.01 จุด ลดลง 57.35 จุด หรือ -0.78%

สำหรับการซื้อขายตลอดทั้งเดือนก.พ. ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 4.3% ดัชนี S&P ร่วงลง 3.9% ซึ่งถือเป็นเดือนที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบสองปีสำหรับทั้งสองดัชนี และยังเป็นเดือนแรกที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมา 10 เดือนติดต่อกัน ขณะที่ดัชนี Nasdaq ลดลง 1.9% ซึ่งลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2559

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนก.พ.นั้น เป็นไปอย่างผันผวน โดยดัชนีเปิดตลาดพุ่งขึ้นและเคลื่อนไหวในแดนบวก ก่อนที่จะถูกแรงเทขายกระหน่ำในช่วงท้ายตลาด ซึ่งสาเหตุยังคงมาจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในปีนี้

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงต่อเนื่องมาจากวันอังคาร หลังจากนายพาวเวลได้กล่าวตอบข้อซักถามจากคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยระบุว่า เฟดมีแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และอาจมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นเป็น 4 ครั้ง หลังจากมีการใช้มาตรการด้านการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราภาษี และการเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาล

นายพาวเวลยังได้แสดงมุมมองที่เป็นบวกต่อภาวะเศรษฐกิจของสหัฐ โดยระบุว่าตลาดแรงงานและการใช้จ่ายของผู้บริโภค ยังคงมีความแข็งแกร่ง ขณะที่ค่าจ้างมีการเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งตัว นอกจากนี้ นายพาวเวลเชื่อว่า เงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ โดยจะมีเสถียรภาพที่ระดับ 2% ในระยะกลาง

ทั้งนี้ หลังจากแถลงต่อสภาผู้แทนฯแล้ว นักลงทุนยังคงจับตานายพาวเวลแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐ ในวันพฤหัสบดีนี้ต่อไป

ในขณะเดียวกัน ตลาดซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยวานนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ที่ระดับ 2.5% ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 2.6% และต่ำกว่าระดับ 3.2% ในไตรมาส 3

เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว, 3.1% ในไตรมาส 2 และ 3.2% ในไตรมาส 3

เมื่อพิจารณาทั้งปีที่แล้ว เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.3% หลังจากที่เติบโตเพียง 1.5% ในปี 2559

ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ร่วงลง 4.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีร่วงลง 3.8% ในเดือนม.ค.

ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายปรับตัวลงทุกภูมิภาค โดยถูกกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และปริมาณสต็อกบ้านในตลาดที่มีจำกัด

หุ้นกลุ่มผู้สร้างบ้านปรับตัวลดลง หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูล pending home sales หุ้นโทลล์ บราเธอร์ ร่วง 2.8% หุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ลดลง 3.3%

หุ้นพลังงานลดลงเช่นกัน ตามราคาน้ำมันที่ดิ่งลง หลัง EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งเกินคาด หุ้นเอ็กซอนโมบิลร่วง 2.3% หุ้นเชฟรอนลดลง 1.5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ