ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 420.22 จุด วิตกข่าว"ทรัมป์"เตรียมเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก,อลูมิเนียม

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 2, 2018 06:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐอาจก่อให้เกิดสงครามการค้า และจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและบริษัทของสหรัฐด้วยเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,608.98 จุด ร่วงลง 420.22 จุด หรือ -1.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,677.67 จุด ลดลง 36.16 จุด หรือ -1.33% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,180.56 จุด ลดลง 92.45 จุด หรือ -1.27%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์หน้า โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ

การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ประชุมร่วมกับกลุ่มผู้บริหารธุรกิจที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผู้บริหารของบริษัทยูเอส สตีล คอร์ป และเซ็นจูรี อลูมิเนียม โดยทรัมป์เชื่อว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ และจะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง

ดาเนียล อิเคนสัน นักวิเคราะห์จากสถาบันคาโต และนักวิเคราะห์คนอื่นๆ ต่างก็ออกมาแสดงความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า มาตรการดังกล่าวของทรัมป์จะกลับมาสร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตของสหรัฐเอง เนื่องจากบริษัทสหรัฐจะต้องเผชิญกับการตอบโต้จากบริษัทคู่แข่งต่างชาติ นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวจะผลักดันให้ราคาสินค้าและการบริการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคของสหรัฐ

นักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันอังคาร โดยได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อ และส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง

ส่วนในการแถลงรอบที่ 2 เมื่อวานนี้ นายพาวเวลได้ตอบข้อซักถามของสมาชิกคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐที่ว่า เหตุใดเฟดจึงยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่า 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของเฟด โดยนายพาวเวลตอบว่า "ในขณะนี้ เรามีอัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 4.1% ซึ่งสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นก็คือ เราดำเนินการล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งหากเฟดไม่ดำเนินการก่อนที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และปล่อยให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นก่อน ก็จะทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย"

หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ร่วงลง หลังจากทรัมป์ประกาศแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม โดยหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ดิ่งลง 4% หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 3% หุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโต้โมบิล ดิ่งลง 2.7%

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตเหล็กและอลูมิเนียมดีดตัวขึ้นจากถ้อยแถลงดังกล่าว โดยหุ้นยูเอส สตีล พุ่งขึ้น 5.8% หุ้นนูคอร์ คอร์ป พุ่งขึ้น 3.3% และหุ้นเซ็นจูรี อลูมิเนียม ทะยานขึ้น 7.5%

หุ้นแอล แบรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นในชื่อดังอย่าง "Victoria’s Secret " ร่วงลงเกือบ 14% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท

หุ้นบาร์นส์ แอนด์ โนเบิล ร่วงลง 3.3% และหุ้นโคห์ล คอร์ป ดิ่งลง 5.1% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.3 ในเดือนก.พ. จากระดับ 55.5 ในเดือนม.ค. ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างทรงตัวในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนธ.ค.

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ