ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 300 จุด บ่งชี้วอลล์สตรีททะยานคืนนี้ รับข่าวคืบหน้าเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 26, 2018 18:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ หลังตลาดคลายวิตกการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังมีรายงานว่า สหรัฐและจีนกำลังหารือกันอย่างลับๆเพื่อให้มีการเปิดตลาดจีนมากขึ้นสำหรับสินค้าจากสหรัฐ

ณ เวลา 18.27 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าบวก 303 จุด หรือ 1.28% สู่ระดับ 23,915 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดดิ่งลงกว่า 400 จุดเมื่อวันศุกร์จากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งสูงสุดรอบ 8 เดือน รวมถึงการที่สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) เป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในร่างงบประมาณ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ล่าสุด หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า จีนได้เสนอซื้อเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้นจากสหรัฐ ด้วยการลดยอดสั่งซื้อจากเกาหลีใต้และไต้หวัน โดยหวังว่าการดำเนินการดังกล่าวจะลดตัวเลขเกินดุลการค้ากับสหรัฐ

นอกจากนี้ ไฟแนนเชียล ไทม์สยังระบุว่า เจ้าหน้าที่ของจีนกำลังเร่งสรุปการจัดทำกฎระเบียบใหม่ภายในเดือนพ.ค. ซึ่งจะช่วยให้สถาบันการเงินต่างชาติสามารถเข้าซื้อหุ้นใหญ่ในบริษัทหลักทรัพย์ของจีน

ท่าทีครั้งใหม่ของจีนดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีในสัปดาห์ที่แล้วเพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นการลงโทษจีนที่ได้ขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทสหรัฐ

ปธน.ทรัมป์ระบุว่า นี่เป็นมาตรการแรกของอีกหลายมาตรการที่จะตามมา และเขาเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้สหรัฐแข็งแกร่ง และมั่งคั่งขึ้น

การออกมาตรการเรียกเก็บภาษีของปธน.ทรัมป์มีขึ้น หลังจากที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ทำการสอบสวนตามมาตรา 301 ต่อพฤติกรรมการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน

สินค้าของจีนที่ตกเป็นเป้าหมายในการเรียกเก็บภาษีของสหรัฐ เป็นสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีที่จีนมีข้อได้เปรียบเหนือสหรัฐ

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะสั่งการให้ USTR เปิดเผยรายการสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีภายใน 15 วัน และจะมีช่วงเวลา 30 วันสำหรับการรับฟังความเห็นจากประชาชน ขณะที่ USTR ได้ระบุรายการสินค้าที่จะตกเป็นเป้าหมายแล้ว โดยเป็นสินค้าจำนวน 1,300 รายการ

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้สั่งการให้นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ เสนอการตั้งข้อจำกัดต่อการลงทุนของจีนในสหรัฐ

ปธน.ทรัมป์จะได้รับการบรรยายสรุปอีกครั้งในช่วงสองสัปดาห์ข้างหน้าเพื่อพิจารณาการดำเนินมาตรการเพิ่มเติม โดยจะขึ้นอยู่กับผลกระทบของมาตรการในขั้นแรก

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการให้จีนจัดทำแผนลดตัวเลขเกินดุลการค้าลง 1 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐจำนวน 3.752 แสนล้านดอลลาร์

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนเพิ่มขึ้น 16.7% สู่ระดับ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558 โดยตัวเลขส่งออกไปยังจีนดิ่งลง 28.1% ขณะที่นำเข้าเพิ่มขึ้น 2.9%

นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายแรนดอล ควาร์ลส์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ