ดาวโจนส์ดีดตัวต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด ขานรับสหรัฐ-จีนตั้งโต๊ะเจรจาสงบศึกการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 27, 2018 23:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด ขณะที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 23.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,417.95 จุด เพิ่มขึ้น 215.35 จุด หรือ 0.89%

หุ้นกลุ่มสื่อสารพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริคทะยานขึ้นมากที่สุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดทะยานขึ้น 669.40 จุด หรือ 2.84% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดภายใน 1 วันนับตั้งแต่เดือนส.ค.2558 หลังจากมีรายงานว่า จีนได้ประกาศความพร้อมที่จะเปิดการเจรจากับสหรัฐเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า โดยข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ราคาหุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงสวนทางตลาดในวันนี้ โดยปรับตัวลง 0.8% สู่ระดับ 158.11 ดอลลาร์ หลังจากที่แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ (BAML) ประกาศปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นเฟซบุ๊กเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 5 วัน หลังจากที่คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) ยืนยันข่าวที่ว่า FTC กำลังสอบสวนเฟซบุ๊กกรณีเกิดการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการจำนวน 50 ล้านราย

ทั้งนี้ BAML ปรับลดราคาเป้าหมายในช่วง 12 เดือนข้างหน้าของหุ้นเฟซบุ๊กสู่ระดับ 210 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 230 ดอลลาร์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว BAML ปรับลดราคาเป้าหมายในช่วง 12 เดือนข้างหน้าของหุ้นเฟซบุ๊กสู่ระดับ 230 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 265 ดอลลาร์

FTC เปิดเผยว่ากำลังสอบสวนเฟซบุ๊กเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของบริษัทต่อข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ หลังจากแคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาต และเอื้อประโยชน์ต่อทีมหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2559

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว FTC ปฏิเสธที่จะยืนยันว่า FTC ได้ทำการสอบสวนเฟซบุ๊กหรือไม่ กรณีที่บริษัทอาจละเมิดข้อตกลงที่ทำไว้กับ FTC ในปี 2554 จากการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ

หาก FTC พบว่าเฟซบุ๊กละเมิดข้อตกลง ก็จะส่งผลให้บริษัทถูกปรับเป็นเงินจำนวน 40,000 ดอลลาร์ต่อกระทง

ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ใกล้เคียงระดับ 6.3% ในเดือนธ.ค. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และภาวะสต็อกบ้านในระดับต่ำ

ราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดในเมืองซีแอตเติล, ลาสเวกัส และซานฟรานซิสโก

ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐต่ำกว่าคาดในเดือนมี.ค. หลังจากดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 127.70 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 130.80 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 131

ทั้งนี้ ดัชนีดังกล่าวเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะธุรกิจ, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน

นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายราฟาเอล บอสติค ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ