ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (5 เม.ย.) หลังจากที่ร่วงลงมาสองวันติดต่อกัน โดยนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังทั้งสองฝ่ายแสดงท่าทีที่อ่อนลง และพร้อมที่จะหันหน้ามาเจรจากัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 8.80 จุด หรือ 2.40% ปิดที่ระดับ 376.13 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,276.67 จุด เพิ่มขึ้น 134.87 จุด หรือ +2.62% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,305.19 เพิ่มขึ้น 347.29 จุด หรือ +2.90% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,199.50 จุด เพิ่มขึ้น 165.49 จุด หรือ +2.35%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นเอเชีย จากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ภายหลังทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มที่จะหันมาเจรจากันเพื่อแก้ไขข้อพิพาททางการค้า
นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ขณะนี้สหรัฐยังไม่มีการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน และจีนก็ยังไม่ได้บังคับใช้มาตรการดังกล่าวกับสหรัฐเช่นกัน โดยทั้งสองประเทศมีเวลาอย่างน้อย 2 เดือนก่อนที่จะตัดสินใจบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า
ทางด้านนายชุย เถียนไค เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ กล่าวว่า ทางเลือกแรกของจีนควรจะเป็นการหันหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐ โดยจีนพร้อมที่จะเจรจาและปรึกษาหารือกับสหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยวานนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นสุดท้ายเดือนมี.ค.ของยูโรโซน อยู่ที่ 55.2 ลดลงจากตัวเลขเดือนก.พ.ที่ระดับ 57.1 และขยับลงจากตัวเลขเบื้องต้นเดือนมี.ค.ที่ 55.3
ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคธุรกิจของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัวในเดือนมี.ค. แต่เป็นการขยายตัวในอัตราที่ช้าลง โดยยอดคำสั่งซื้อใหม่ชะลอตัวลง ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้ายทางตอนเหนือของยุโรป
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมี.ค.ของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 56.6 ลดลงจากระดับ 58.6 ในเดือนก.พ. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้าย อยู่ที่ 54.9 ในเดือนมี.ค. ลดลงจากระดับ 56.2 เมื่อเดือนก.พ. และลดลงจากตัวเลขเบื้องตันที่ 55.0
ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหราชอาณาจักร อยู่ที่ 51.7 ในเดือนมี.ค. ลดลงอย่างมากจากระดับ 54.5 ในเดือนก.พ. โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการจ้างงานที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 เดือน รวมถึงผลกระทบจากหิมะตกหนัก
ขณะเดียวกันวานนี้ยังได้มีการเปิดเผยยอดค้าปลีกยูโรโซนเดือนก.พ. ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่หากเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ด้านสำนักงานสถิติเยอรมนีรายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้น 0.3% เทียบรายเดือน หลังร่วงลงกว่า 3.5% ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ.จะดีดตัวขึ้น 1.5%
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานขยายตัวน้อยกว่าคาดนั้น เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอภายในประเทศได้บดบังความแข็งแกร่งของอุปสงค์จากกลุ่มยูโรโซน โดยยอดสั่งซื้อภายในประเทศปรับตัวลง 1.4% ขณะที่ยอดสั่งซื้อจากกลุ่มยูโรโซนปรับตัวขึ้น 1.4%
ทั้งนี้ หุ้นบริษัทขนาดใหญ่ชั้นนำทั้ง 40 บริษัทในตลาดหุ้นฝรั่งเศสต่างปรับตัวขึ้น เช่นเดียวกับหุ้นบลูชิปทั้ง 30 ตัวในตลาดหุ้นเยอรมนีที่ปิดแดนบวก
หุ้นยูบิซอฟต์ บริษัทวิดีโอเกมสัญชาติฝรั่งเศส ทะยานเกือบ 11% หลังยอดขายเกมใหม่แข็งแกร่ง
หุ้นลินเด้ บริษัทเคมีของเยอรมนี พุ่ง 5.22% หุ้นธิสเซ่นครุปป์ บวก 4.44% หุ้นดอยซ์แบงก์ เพิ่มขึ้น 4.19%
หุ้นกลุ่มยานยนต์ได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าที่คลี่คลายลง โดยหุ้นเดมเลอร์ บวก 2.2% หุ้นโฟล์คสวาเกน บวก 3.5% หุ้นเฟียต ไครสเลอร์ พุ่ง 4.9%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นรับความหวังสงครามการค้าสหรัฐ-จีนคลี่คลายเช่นกัน เพราะอุตสาหกรรมเหมืองแร่มีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในจีน เนื่องจากจีนเป็นผู้ซื้อโลหะรายใหญ่ ทั้งโลหะอุตสาหกรรมและโลหะมีค่า
หุ้นแองโกล อเมริกัน 3.59% อันโตฟากัสตา 3.22% หุ้นเกลนคอร์บวก 3.99%