ดาวโจนส์ร่วงเกือบ 100 จุด หุ้น"แอปเปิล"ฉุดตลาด, กังวลเฟดขึ้นดบ.หลังบอนด์ยีลด์พุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 19, 2018 21:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 100 จุดในวันนี้ โดยถูกกระทบจากการดิ่งลงของหุ้นแอปเปิล

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ถึงการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อ และจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

ณ เวลา 20.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,653.03 จุด ลดลง 95.04 จุด หรือ 0.38%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นแอปเปิลร่วงลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก

ราคาหุ้นแอปเปิล ซึ่งเป็น 1 ในหุ้น 30 ตัวของดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลงเกือบ 2% ในวันนี้ หลังจากที่บริษัทไต้หวัน เซมิคอนดัคเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค (TSMC) เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ระบุไว้

ทั้งนี้ TSMC นับเป็นบริษัทเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ที่สุดที่ผลิตชิพให้แก่บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เช่น แอปเปิล

TSMC เปิดเผยว่า ทางบริษัทคาดการณ์ว่า ตัวเลขรายได้ในไตรมาส 2 จะอยู่ในช่วง 7.8-7.9 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.8 พันล้านดอลลาร์

TSMC ระบุว่า การชะลอตัวของรายได้ในไตรมาส 2 เกิดจากอุปสงค์ที่อ่อนแอจากธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ถึงแม้ว่าความต้องการชิพจากการขุดเหมืองหาสกุลเงินดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นก็ตาม

ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2.90% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีทะยานขึ้นเหนือระดับ 3.0% หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีกว่าคาดในวันนี้

ณ เวลา 20.48 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.91% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี พุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.101%

ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยว่า ดัชนีการผลิตพุ่งขึ้นสู่ระดับ 23.2 ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 20.5 ซึ่งบ่งชี้ถึงการดีดตัวของราคา และอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งจะกดดันความสามารถในการทำกำไรของภาคเอกชน

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 232,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของการจ้างงาน และตลาดแรงงานที่ตึงตัว ขณะที่บ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจากค่าจ้างในระบบเศรษฐกิจ

นักลงทุนกังวลว่าการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) เปิดเผยกำไรและรายได้ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 3 ของปีงบการเงินของบริษัท สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

P&G เปิดเผยกำไรที่ระดับ 1.00 ดอลลาร์/หุ้น โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 0.98 ดอลลาร์/หุ้น

P&G ยังเปิดเผยว่า ยอดขายอยู่ที่ระดับ 1.628 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.621 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ P&G ยังเปิดเผยว่า ทางบริษัทได้เข้าซื้อธุรกิจสินค้าเพื่อสุขภาพผู้บริโภคของบริษัทเมิร์ค เคจีเอเอ ผู้ผลิตเวชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของเยอรมนี ด้วยวงเงิน 4.2 พันล้านดอลลาร์ (3.4 พันล้านยูโร)

การซื้อธุรกิจสินค้าเพื่อผู้บริโภคของเมิร์ค ทำให้ P&G ครอบครองวิตามินแบรนด์ดัง เช่น เซเว่น ซีส์ และทำให้ P&G สามารถรุกตลาดเอเชีย และละติน อเมริกา

นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายแรนดอล ควาร์ลส์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ