ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าร่วงลงในวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 3% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปีนั้น จะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทเอกชนปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,134.17 จุด ลดลง 143.95 จุด, -0.65% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 30,378.89 จุด ลดลง 257.35 จุด, -0.84% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,850.95 จุด ลดลง 14.39 จุด, -0.77%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียช่วงเช้านี้ได้รับปัจจัยกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งทะลุระดับ 3% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2557 โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 3.001% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.171%
ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินดีดตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนมีต้นทุนในการกู้ยืมสูงขึ้น อันจะนำไปสู่การลดการลงทุน และลดการจ้างงาน
สำหรับข้อมูลที่มีการเปิดเผยในวันนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.ของเกาหลีใต้ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการแข็งค่าของสกุลเงินวอน
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCSI) เดือนเม.ย. อยู่ที่ระดับ 107.1 ลดลง 1 จุดจากระดับของเดือนมี.ค. โดยดัชนีความเชื่อมั่นเดือนเม.ย.ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางเกาหลีใต้ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงยืนเหนือระดับเฉลี่ยระยะยาวที่ 100 ซึ่งบ่งชี้ว่า ผู้บริโภคที่มีมุมมองบวกต่อเศรษฐกิจนั้น มีจำนวนมากกว่าผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นลบ