ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 59.70 จุด รับผลประกอบการสดใส แต่ตลาดยังกังวลผลกระทบบอนด์ยีลด์พุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 26, 2018 06:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงโบอิ้ง และคอมแคสต์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงติดต่อกัน 5 วันทำการที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงกังวลว่า การพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐนั้น จะเป็นแรงผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทเอกชนและกลุ่มผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,083.83 จุด เพิ่มขึ้น 59.70 จุด หรือ +0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,639.40 จุด เพิ่มขึ้น 4.84 จุด หรือ +0.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,003.74 จุด ลดลง 3.61 จุด หรือ -0.05%

นักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยโบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 ที่ระดับ 3.64 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.58 ดอลลาร์ ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 2.338 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.226 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นโบอิ้งปิดตลาดพุ่งขึ้น 4.2%

หุ้นคอมแคสต์ ดีดตัวขึ้น 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 ที่ระดับ 62 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 59 เซนต์ นอกจากนี้ คอมแคสต์ยังได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการบริษัทสกายอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ ด้วยวงเงิน 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ วงเงินที่คอมแคสต์เสนอซื้อกิจการของสกาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวีของยุโรป สูงกว่าวงเงินที่บริษัท ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ของนายรูเพิร์ท เมอร์ดอค เสนอที่ระดับ 2.58 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.2559 เพื่อซื้อหุ้นส่วนที่เหลือของบริษัทสกายจำนวน 61% ที่ฟ็อกซ์ยังไม่ได้ถือครอง

หุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกรายใหญ่ พุ่งขึ้น 4.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561 ด้วย

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดีดขึ้น 1.3% และหุ้นเชฟรอน ปรับตัวขึ้น 0.1%

ส่วนหุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 2.4% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1 ที่ระดับ 16 เซนต์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 12 เซนต์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ 655 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 608 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ยังระบุว่า จำนวนผู้ใช้บริการอยู่ที่ระดับ 336 ล้านคน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 334.2 ล้านคน

นักวิเคราะห์กล่าวว่า อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ มาจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงติดต่อกัน 5 วันทำการที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี ยังคงปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 3% หลังจากที่ได้ทะลุระดับดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2557

ทั้งนี้ นักลงทุนกังวลว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นทะลุระดับ 3% นั้น อาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทเอกชนและกลุ่มผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น และท้ายที่สุดจะเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับอัตราเงินกู้จำนอง และอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้ และเครื่องมือทางการเงินในระบบ

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2561 และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ