ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) ขานรับอัตราการว่างงานของสหรัฐที่ลดลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2543 และยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยนักลงทุนมองว่าข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมองว่าสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นบ้างแล้ว หลังสหรัฐได้เสร็จสิ้นการเจรจาการค้ากับจีนเป็นเวลา 2 วัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 387.03 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,819.60 จุด เพิ่มขึ้น 129.45 จุด หรือ +1.02% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,516.05 จุด เพิ่มขึ้น 14.39 จุด หรือ +0.26% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,567.14 จุด เพิ่มขึ้น 64.45 จุด หรือ +0.86%
การซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุน หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2543 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 4.0%
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาผลการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีน
สื่อรายงานว่า เจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐสามารถบรรลุฉันทามติร่วมกันในบางประเด็น อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันค่อนข้างมากเกี่ยวกับประเด็นอื่นๆ แต่ก็เห็นพ้องกันว่าจะมีการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าผ่านทางการเจรจา
สำหรับหุ้นที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาดได้แก่หุ้นเฟอร์รารี่ ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 7.71% ขานรับผลประกอบการที่ออกมาแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์
ส่วนหุ้นแอร์ฟรานซ์ ปรับตัวลดลงเกือบ 3% หลังทางสายการบินคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีกำไรลดลง หลังจากพนักงานหยุดงานประท้วงขอขึ้นค่าจ้าง ซึ่งส่งผลให้ทางสายการบินต้องยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก
หุ้นเอชเอสบีซี ปรับตัวลดลงเกือบ 1% หลังเผยกำไรก่อนหักภาษีร่วงลง 4% ในไตรมาส 1 อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนจากการดำเนินงาน