ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ หลังมีข่าวว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัท ZTE ของจีนแล้ว ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 20.47 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,248.27 จุด เพิ่มขึ้น 101.88 จุด หรือ 0.41%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นเชฟรอนทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินยังคงดีดตัวขึ้น โดยหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งจะช่วยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 12-13 มิ.ย. ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ โดยอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนผลประกอบการของธนาคาร
นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัท ZTE ของจีนแล้ว โดย ZTE จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข เพื่อแลกกับการที่สหรัฐยกเลิกมาตรการลงโทษบริษัท
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ตามข้อตกลงดังกล่าว ZTE จะต้องจ่ายค่าปรับ 1 พันล้านดอลลาร์ พร้อมกับวางเงินมัดจำจำนวน 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินดังกล่าวจะถูกริบ หากพบว่าบริษัทได้กระทำความผิดอีกในอนาคต
ขณะเดียวกัน สหรัฐจะส่งเจ้าหน้าที่ชุดหนึ่งเข้าประจำอยู่ในบริษัท เพื่อตรวจสอบการดำเนินงานของ ZTE
นอกจากนี้ ZTE ยังต้องทำการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริษัทภายในเวลา 30 วัน
เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้สั่งห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐขายสินค้าให้กับ ZTE เนื่องจาก ZTE ได้ส่งออกสินค้าไปยังอิหร่านและเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตร
ทั้งนี้ การที่สหรัฐออกมาตรการลงโทษ ZTE ในเดือนเม.ย.นั้น ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อ ZTE เนื่องจากบริษัทสหรัฐได้จัดหาชิ้นส่วนต่างๆซึ่งใช้ในการผลิตอุปกรณ์ของ ZTE ในสัดส่วนราว 20-30% ของอุปกรณ์ทั้งหมดของ ZTE ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน และชิ้นส่วนที่ใช้ในการสร้างเครือข่ายโทรคมนาคม นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลให้ ZTE เลื่อนการประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 1 โดยระบุว่าทางบริษัทจำเป็นต้องใช้เวลาในการประเมินผลกระทบจากการที่รัฐบาลสหรัฐประกาศห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐขายสินค้าให้กับทางบริษัท
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาการประชุม G7 ซึ่งจะจัดขึ้นที่แคนาดาในวันศุกร์และวันเสาร์ที่จะถึงนี้ โดยคาดว่าที่ประชุมจะหารือในประเด็นการค้า รวมถึงกรณีที่รัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 225,000 ราย
ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 170 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2512