ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (15 มิ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษี 25% ขณะที่รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตรการตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,633.91 จุด ลดลง 131.88 จุด หรือ -1.70%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทำเนียบขาวประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะถูกเรียกเก็บภาษี 25% เพื่อตอบโต้การที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ
ทั้งนี้ สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐ (USTR) แถลงว่า อัตราภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ต่อสินค้าจำนวน 1,100 รายการของจีน โดยสินค้าล็อตแรกจำนวน 818 รายการ มูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จะถูกเรียกเก็บภาษีในวันที่ 6 ก.ค. ขณะที่สินค้าล็อตที่ 2 กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา
หลังจากทางการสหรัฐออกแถลงการณ์ดังกล่าวได้ไม่นาน รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้ด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์
รัฐสภาจีน และคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการศุลกากรแห่งรัฐสภาจีน แถลงว่า อัตราภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐล็อตแรกจำนวน 545 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงสินค้าด้านการเกษตร ยานยนต์ และสินค้าทางทะเล โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ส่วนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจำนวนที่เหลือนั้น จะมีการประกาศหลังจากนั้น
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 2.1% หุ้นแรนโกลด์ รีซอสเซส ดิ่งลง 3.1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปรับตัวลง 1.8% และหุ้นเฟรสนิลโล ร่วงลง 1.5%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นบาร์เคลย์ส ดิ่งลง 2.4% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 1.9%
ส่วนหุ้นโรลส์รอยซ์ ทะยานขึ้น 8.2% หลังจากบริษัทประกาศแผนปรับลดจำนวนพนักงาน 4,600 รายในช่วง 2 ปีข้างหน้า ตามแผนการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่