ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 287.26 จุด วิตกสงครามการค้ากระทบศก.โลก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 20, 2018 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก โดยความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงหุ้นโบอิ้ง และแคทเธอร์พิลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,700.21 จุด ร่วงลง 287.26 จุด หรือ -1.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,762.59 จุด ลดลง 11.16 จุด หรือ -0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,725.58 จุด ลดลง 21.44 จุด หรือ -0.28%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและจีนนั้น อาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกับเตือนว่า หากรัฐบาลจีนเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐอีก เพื่อตอบโต้แผนเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ในอัตรา 10% สหรัฐก็พร้อมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวงเงินเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลจีนพร้อมตอบโต้อย่างรุนแรง หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทั้งสหรัฐและจีนมีขึ้นสืบเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนจำนวน 1,100 รายการที่จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจากนั้นไม่นาน รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์เช่นกัน

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงเนื่องจากความกังวลที่ว่า บริษัทในภาคอุตสาหกรรมอาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามการค้า โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.8% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 3.6% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ปรับตัวลง 2.1% หุ้นอีตัน คอร์ป ร่วงลง 1.3% หุ้นเคแอลเอ็กซ์ ลดลง 0.2% และหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ดิ่งลง 1.9%

หุ้นเฟดเอ็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.0% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสของเฟดเอ็กซ์ซึ่งจะมีการแถลงหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายแล้ว

หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.1% แม้หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้ยืนยันต่อนายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิลว่า รัฐบาลสหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ iPhone ที่ประกอบในประเทศจีน

หุ้นเทสลา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ ร่วงลง 4.9% หลังจากนายอีลอน มัสค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ได้ออกมาชี้แจงว่า พนักงานคนหนึ่งของเทสลาได้ก่อเหตุโจมตีระบบการผลิต เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่ได้รับการเลื่อนขั้น นอกจากนี้ พนักงานคนดังกล่าวยังส่งข้อมูลที่มีความอ่อนไหวให้กับบุคคลที่สามด้วย

หุ้นสแนป ร่วงลง 5.3% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ในไตรมาสปัจจุบันของบริษัท เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้งานที่ลดลง

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนพ.ค. โดยพุ่งขึ้น 5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.350 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2550 ขณะที่การอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 4.6% สู่ระดับ 1.301 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 1, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ