ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและจีนนั้น อาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.7% ปิดที่ 383.21 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,677.97 จุด ลดลง 156.14 จุด หรือ -1.22% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,603.85 จุด ลดลง 27.48 จุด หรือ -0.36% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,390.63 จุด ลดลง 59.85 จุด หรือ -1.10%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนได้ออกแถลงการณ์เตือนว่า รัฐบาลจีนพร้อมจะตอบโต้อย่างรุนแรง หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตามที่ปธน.ทรัมป์ขู่ไว้
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทั้งสหรัฐและจีนเป็นผลสืบเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนจำนวน 1,100 รายการที่จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจากนั้นไม่นาน รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์เช่นกัน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง จากความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลให้อุปสงค์โลหะมีค่าและโลหะสำหรับงานอุตสาหกรรมจากจีนลดน้อยลง เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าโลหะรายใหญ่สุดของโลก ทั้งนี้ หุ้นอันโตฟากัสตา ร่วงลง 1.8% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.2% หุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 3.2% หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 2% และหุ้นอาร์เซลอร์ มิตตัล ร่วงลง 3.8%
หุ้นโฟล์คสวาเกน ร่วงลง 2.4% หลังจากสำนักงานอัยการประจำกรุงมิวนิคเปิดเผยว่า นายรูเพิร์ท สแตดเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของออดี้ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทโฟล์คสวาเกน ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเยอรมนี ต้องการเข้าให้การต่อศาล หลังจากที่เขาถูกจับกุมตัวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงค่าตรวจมลพิษไอเสียของรถยนต์ดีเซล