ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 132.36 จุด หุ้นเทคโนโลยีดิ่งหนัก,วิตกสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 4, 2018 06:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นเฟซบุ๊กที่ดิ่งลงกว่า 2.3% หลังจากสื่อรายงานว่า หน่วยงานต่างๆของสหรัฐกำลังขยายขอบข่ายการสอบสวนกรณีที่แคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการเมือง มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊ก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,174.82 จุด ลดลง 132.36 จุด หรือ -0.54% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,713.22 จุด ลดลง 13.49 จุด หรือ -0.49% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,502.67 จุด ลดลง 65.01 จุด หรือ -0.86%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.35% หลังจากวอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า หน่วยงานต่างๆของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) และสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) กำลังขยายขอบข่ายการสอบสวนกรณีที่บริษัทแคมบริดจ์ อนาลิติกามีส่วนเกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊ก แม้ว่าก่อนหน้านี้ นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเฟซบุ๊ก ได้เข้าให้ปากคำต่อสภาพคองเกรสสหรัฐ เพื่อชี้แจงกรณีดังกล่าวแล้วก็ตาม

ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.7% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 2.2% หุ้นอเมซอน ร่วงลง 1.2% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ปรับตัวลง 1.9% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1% หุ้นอินเทล ร่วงลง 1.4% ขณะที่หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ดิ่งลง 5.5% หลังจากมีรายงานว่า ศาลจีนมีคำสั่งไม่ให้บริษัทไมครอน เทคโนโลยีส์ ขายชิปหน่วยความจำในสหรัฐเป็นการชั่วคราว

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 1.4% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 1.6% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.7% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.5% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 1.3%

หุ้นเทสลา มอเตอร์ ดิ่งลง 7.2% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า นายด็อจ ฟิลด์ วิศวกรระดับหัวแถวของเทสลาเตรียมลาออกจากบริษัท

หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลง หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยซ์แบงก์ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นสายการบินรายใหญ่ของสหรัฐ อันเนื่องมาจากข้อพิพาทางการค้าและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ร่วงลง 2.3% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ลดลง 1.3% และหุ้นยูไนเต็ด คอนทิเนนทัล ร่วงลง 1.1%

นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งรวมถึงรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐอาจปฏิเสธคำร้องของบริษัทไชน่า โมบายล์ ในการเข้าไปดำเนินธุรกิจในสหรัฐ โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง ขณะที่ในวันศุกร์ที่ 6 ก.ค.นี้ จะเป็นวันที่สหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนจำนวนมากกว่า 800 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ทางด้านจีนก็เตรียมเก็บภาษี 25% ต่อสินค้าสหรัฐในวงเงินเดียวกันในวันดังกล่าวเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ หลังจากลิเบียประกาศภาวะสุดวิสัยในการส่งออกน้ำมัน โดยหุ้นโคโนโคฟิลิปส์ พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 0.6% หุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้น 0.4% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 2.1% และหุ้นมาราธอน ออยล์ พุ่งขึ้น 3%

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.จะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 3.8%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตารายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันศุกร์นี้ตามเวลาไทย เพื่อบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนมิ.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และดุลการค้าเดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ