ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศได้เริ่มบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้า 25% เมื่อวานนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 382.36 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,496.17 จุด เพิ่มขึ้น 31.88 จุด หรือ +0.26% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,375.77 จุด เพิ่มขึ้น 9.45 จุด หรือ +0.18% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,617.70 จุด เพิ่มขึ้น 14.48 จุด หรือ +0.19%
ดอยซ์แบงก์ พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากนิตยสาร WirtschaftsWoche ของเยอรมนี รายงานเมื่อวานนี้ว่า เจพีมอร์แกน และธนาคารอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ICBC) มีความต้องการเข้าซื้อหุ้นในธนาคารดอยซ์แบงก์ อย่างไรก็ตาม โฆษกของเจพีมอร์แกนได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว
หุ้นธิสเซ่นครุปป์ (Thyssenkrupp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กของเยอรมนี พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากนายเฮนริช ไฮซิงเกอร์ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของธิสเซ่นครุปป์ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า ทิศทางการบริหารของบริษัทแห่งนี้จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
หุ้นแอร์บัส ดีดตัวขึ้น 0.3% หลังจากบริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการส่งมอบเครื่องบินในปีงบการเงิน 2561
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อวานนี้ สหรัฐได้เรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนจำนวนมากกว่า 800 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐในวงเงินที่เท่ากัน
ทั้งนี้ ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐจะบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในวงเงินมากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเกือบเท่ากับมูลค่าสินค้าที่สหรัฐนำเข้าจากจีนทั้งหมดในปีที่แล้ว หากจีนยังคงตอบโต้สหรัฐ และไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของสหรัฐ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นเฟรสนิลโล พีแอลซี ดิ่งลง 2.3% หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 1.2% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอสเซส ปรับตัวลง 1.7%