ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวสูงขึ้น เหตุนลท.คลายกังวลสงครามการค้าจีน-สหรัฐ

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ภายหลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายส่งสัญญาณว่าอาจจะเจรจาร่วมกัน และต่างฝ่ายต่างยังไม่ปรับขึ้นภาษีสินค้าใดๆเพิ่มเติม

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 28,645.70 จุด เพิ่มขึ้น 164.87 จุด, +0.58% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 22,483.13 จุด เพิ่มขึ้น 295.17 จุด, +1.33% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,716.26 จุด เพิ่มขึ้น 12.69 จุด, +0.74%

นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยว่า จีนต้องให้คำมั่นสัญญาว่าจะดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจในระดับลึก ก่อนที่สหรัฐและจีนจะเปิดฉากการเจราจาเพื่อยุติสงครามการค้า

นายมนูชินยังกล่าวด้วยว่า ตนเองและคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมที่จะเจรจาการค้ากับจีน พร้อมระบุว่า สหรัฐไม่มีจุดประสงค์ที่จะสนับสนุนนโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้า แต่สนับสนุนนโยบายการค้าที่เป็นธรรม

ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 4.4629 แสนล้านหยวน

หากพิจารณาในรูปสกุลเงินดอลลาร์ ตัวเลข FDI ช่วง 6 เดือนแรกของจีนขยายตัว 4.1% แตะระดับ 6.832 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วน FDI ในเดือนมิ.ย. ขยับขึ้นเพียง 0.3% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 1.007 แสนล้านหยวน

กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์เปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ขยายตัว 3.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกที่ขยายตัว 4.4% และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4%

สาเหตุที่ทำให้อัตราการขยายตัวของ GDP สิงคโปร์ชะลอลงในไตรมาส 2 นั้น มาจากภาคการผลิตที่ขยายตัวอ่อนแรงลง โดยภาคการผลิตของสิงคโปร์ขยายตัว 8.6% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาส 2 ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกที่ขยาตัว 9.7%