ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 134.79 จุด ตลาดผิดหวังผลประกอบการ,หุ้นแบงก์ร่วงตามทิศทางบอนด์ยีลด์

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 20, 2018 06:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทอีเบย์ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐดิ่งอย่างหนัก อันเนื่องมาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงความเห็นคัดค้านนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรรัฐ และสหภาพยุโรป (EU)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,064.50 จุด ร่วงลง 134.79 จุด หรือ -0.53% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,825.30 จุด ลดลง 29.15 จุด หรือ -0.37% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,804.49 จุด ลดลง 11.13 จุด หรือ -0.40%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงลงเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง โดยหุ้นอีเบย์ร่วงลงกว่า 10.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรที่สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 แต่ตัวเลขรายได้และตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการนั้น ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

หุ้นทราเวเลอร์ส คอส ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดในไตราส 2 อันเนื่องมาจากความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับพายุหิมะในสหรัฐ

หุ้นฟิลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรในปี 2561 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยราคาหุ้นฟิลิป มอร์ริส ร่วงลงไปกว่า 25% นับตั้งแต่ต้นปีนี้

หุ้นโดมิโน่ พิซซ่า อิงค์ ดิ่งลง 2.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ ซึ่งสวนทางกับผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปีงบการเงิน 2560

หุ้นธนาคารร่วงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ ภายหลังจากปธน.ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเฟดเมื่อวานนี้ว่า การดำเนินนโยบายของเฟดอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยความเคลื่อนไหวของทรัมป์ถือเป็นการกระทำที่สวนทางประธานาธิบดีคนก่อนๆของสหรัฐ ซึ่งมักจะหลีกเลี่ยงการแทรกแซงการทำงานของเฟด

ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 1.5% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.6% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 1.4% หุ้นเวลส์ ฟารโก ลดลง 0.4%

ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน ดิ่งลง 5.2% หลังจากทางธนาคารระบุว่า การสูญเสียลูกค้ารายใหญ่ถึง 2 รายอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของธนาคาร ขณะที่หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ดิ่งลง 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าคาดการณ์ในไตรมาส 2 ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากยอดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในโครงการมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าบัตรเครดิต

หุ้นกลุ่มรถยนต์ได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และ EU โดยรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมาธิการการค้าของ EU ซึ่งมีกำหนดเจรจาประเด็นการค้ากับเจ้าหน้าที่สหรัฐในสัปดาห์หน้านั้น กำลังเตรียมเปิดเผยรายชื่อสินค้าที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ทั้งนี้ หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ลดลง 0.5% และ 1.4% ตามลำดับ

ส่วนหุ้นที่ปิดตลาดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หุ้น IBM พุ่งขึ้น 3.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 ที่สูงกว่าคาด

หุ้นคอมแคสต์ ซึ่งเป็นบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 2.6% ขณะที่หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ดีดตัวขึ้น 1.3% หลังจากคอมแคสต์ ประกาศยุติศึกการประมูลซื้อกิจการบริษัททเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ซึ่งการประกาศถอนตัวของคอมแคสต์ส่งผลให้บริษัทวอลท์ ดิสนีย์มีแนวโน้มเป็นผู้ชนะในการซื้อธุรกิจส่วนใหญ่ของฟ็อกซ์ โดยผู้ที่ชนะการซื้อธุรกิจของฟ็อกซ์จะได้ครอบครองเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค, FX, สตาร์ทีวี, สตูดิโอภาพยนตร์ของฟ็อกซ์, หุ้นในสกาย, เอ็นเดโมล ไชน์ กรุ๊ป, ฮูลู รวมทั้งเครือข่ายกีฬาในภูมิภาค

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 207,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 ขณะที่ Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ